พาณิชย์ เผย เดือนก.ค. จดทะเบียนธุรกิจใหม่โต 9.8% ทุน 22,018 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ เดือน ก.ค.2568 มีจำนวน 7,710 ราย เพิ่ม 9.78 % ทุนจดทะเบียน 22,018 ล้านบาท เพิ่ม 21.56 %
ธุรกิจจัดตั้งใหม่ สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
- ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
รวม 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) ตั้งใหม่ 51,548 ราย ลดลง 4.93% ทุนจดทะเบียน 171,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.41%
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค.2568 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท เหอลี่ อินดัสเทรียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,001.88 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิต ประกอบและจำหน่ายยานยนต์อุตสาหกรรมครบวงจร และบริษัท ดับเบิ้ลยูทียู ซินดิเคท จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,204.49 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อขาย แลกเปลี่ยน เช่า พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ขายฝาก ตลอดจนทะเบียนสิทธิ์ใด ๆ ซึ่งอาคารชุด
ส่วน การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ เดือน ก.ค.2568 มีจำนวน 1,825 ราย ลดลง 3% ทุนจดทะเบียนเลิก 20,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128%
ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
- ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
รวม 7 เดือนของปี 2568 เลิก 8,069 ราย เพิ่มขึ้น 1.77% ทุนจดทะเบียนเลิก 50,700 ล้านบาท ลดลง 40.76% โดยธุรกิจ 3 อันดับ เหมือนกับที่เลิกของเดือน ก.ค.2568
โดยธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือน ก.ค.2568 ที่มีมูลค่าทุนจดทะเบียนสูง มี 3 ราย ได้แก่
- บริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด ทุนจดทะเบียน 10,146.17 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิต ส่งออก นำเข้า ทำ ซื้อ ขาย แผ่นโพลีเอสเตอร์ เส้นใยโพลีเอสเตอร์ เส้นด้าย โพลีเอสเตอร์
- บริษัททรู ไลฟ์ พลัส จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,575 ล้านบาท ประกอบกิจการให้บริการเกมส์ออนไลน์
- บริษัท ทรู อีโลจิสติกส์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,347 ล้านบาทประกอบธุรกิจให้บริการข้อมูลข่าวสารวิชาการในด้านการพัฒนาบุคลากร การพัฒนาการบริหารการพัฒนาองค์การเทคโนโลยีและอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์สัดส่วนของการจัดตั้งธุรกิจและจดเลิกในช่วง 7 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 6 ต่อ 1 หรือจัดตั้ง 6 ราย เลิก 1 ราย โดยสัดส่วนนี้เท่ากับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (2563-2567) ส่วนยอดตั้งใหม่ที่มี 51,548 ราย สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่มีจำนวน 48,040 ราย โดยธุรกิจที่เติบโตสูง 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไปโดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง เพิ่มขึ้น 50.16% ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและห้องชุด เพิ่มขึ้น 46.90% และธุรกิจขนส่ง ขนถ่ายสินค้า และคนโดยสาร เพิ่มขึ้น 23.46%
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค.2568) มี ธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคล รวมทั้งสิ้น 2,016,377 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 31.02 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 965,012 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.71 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 763,913 ราย หรือ 79.16% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.98 ล้านล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 199,604 ราย หรือ 20.68% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.43 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด 1,495 ราย หรือ 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.30 ล้านล้านบาท
สำหรับ นิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการ เป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดมีจำนวน 523,600 ราย ทุนจดทะเบียน 13.11 ล้านล้านบาท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 315,348 ราย ทุน 2.58 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 126,064 ราย ทุน 7.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.26%, 32.68% และ 13.06% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ