“ตั้ม วราวุธ” ขอเบรกเรื่องคดีไปก่อน หลังทราบคู่กรณีครอบครัวลำบาก ภรรยาท้อง 3 เดือน พ่อป่วยติดเตียง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางด้านหนุ่ม ตั้ม วราวุธ ได้ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉียวชนจนเจ้าตัวนั้นมีอาการปากฉีก และมีการพูดไม่ชัดตามมา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางหนุ่ม ตั้ม ได้มีการออกมาเผยอีกว่า เจ้าตัวนั้นเตรียมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ซึ่งล่าสุดทางด้านหนุ่ม ตั้ม ได้มีการออกมาอัพเดตอาการพร้อมพูดถึงเรื่องของคดีความอีกครั้ง ว่า
อัพเดตสุขภาพตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? “ก็เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ แต่ว่าตอนนี้ตื่นเช้ามาก็ยังต้องวอร์มอยู่ เส้นประสาทมันแปล๊บๆ อยู่ ต้องคอยนวดบ้าง”
กลับมาร้องเพลงได้ ? “ฉ่ำ ออกอีเว้นต์ร้องเพลง มีคอนเสิร์ต ส่วนใหญ่จะเป็นงานเลี้ยงภายใน เมื่อวานซืนที่ประจวบฯ เป็นฟรีคอนเสิร์ต ถ้าได้วอร์มแล้วมันจะสามารถร้องได้ปกติ แต่จะเป็นแค่ตอนช่วงตื่นเช้ามามันไม่ได้ขยับเลย เลยต้องนวดปาก สักเย็นๆ จะเริ่มเข้าที่วันไหนพูดมากหน่อยตอนเย็นปากจะเริ่มเข้าที่”
ตอนที่ได้กลับมาร้องเพลงวันแรก หลังออกจากรพ. มันเป็นยังไง? “ผมจะบอกทุกคนว่าผมร้องเพลงวันแรกหลังออกจากโรงพยาบาล 2 วัน ผมนอนรพ. 8 วัน (หมอไม่สั่งห้ามหรอ?) ไม่ได้พี่ เราคืนเงินลูกค้าไปหลายงานแล้ว เราต้องร้องแล้ว ถ้าเลือดซึมเราก็ต้องทำ เพราะว่าเราแคนเซิลงานไปเยอะมากๆ แล้ว
มันเป็นเรื่องของรายได้ ไปเต็มที่ ลูกค้าก็ถามไหวใช่มั้ย มาได้ใช่มั้ย เชื่อมั้ยผมไปร้องเพลงหลังออกจากรพ. 2 วัน แขกในงานทุกคนเป็นอย่างนี้(ทำหน้าอึ้ง) แล้วก็เดินมาหน้าเวที(ทำท่าทางชะเง้อคอมอง) เขามาเช็กปากเรา ตั้มจริงปะเนี่ย เพิ่งดูข่าวเอง มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก ในตอนนั้นเราก็พกคอรัสไปคนหนึ่ง จังหวะที่ต้องอ้าปากกว้างๆ ให้คอรัสร้อง ไม่งั้นเราไม่ไหวแน่ๆ ก็มีคอรัสช่วยร้อง
แล้วคนดูก็น่ารัก ผมบอกช่วยร้องหน่อยครับ ปากผมเจ็บ คนดูก็ช่วยร้องเปิดกูเกิลเสิร์ชเนื้อร้องช่วยกันร้อง เป็นอีกมู้ดความรู้สึกหนึ่งมวลแห่งความสุข แต่ร้องเสร็จไปรพ.ต่อเลยจ๊ะ ปากอักเสบ ก็เลยไปหาหมอ”
แต่ตอนนี้ร้องได้ปกติ? “ปกติแล้วครับ เสียงร้องตอนนี้เหมือนเดิม คำบางคำที่มันออกเสียงลำบาก เริ่มออกเสียงได้ดีแล้ว ทุกอย่างมันก็ต้องพัฒาขึ้น”
เรื่องคดีไปถึงไหนแล้ว? “เมื่อเดือนก่อนมีโอกาสไปเช็คสภาพรถมอเตอร์ไซค์ แล้วได้สัมภาษณ์ล่าสุดกับพี่ ๆ ว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เขาไม่ติดต่อกลับมาเลย โกรธมากๆ ทีนี้ก็มีการนัดไปเจอกันที่สน. เขาไม่มา ครอบครัวก็ไม่มา เดือดอีก คุณตำรวจก็บอกว่างั้นเฟซไทม์วิดีโอคอลคุยกับเขาก่อนมั้ย ก็ได้มีโอกาสคุย
เรื่องมันแบบผมช็อกไปเลย น้องเขาเป็นเวรแปลรพ. เงินเดือน 15,000 ภรรยาเขาท้องได้ 3 เดือน แล้วตัวเขาเองขายังเดินไม่ได้ มันหักตั้งแต่สะโพกลงไปถึงขาข้างล่าง แน่นอนหาเงินไม่ได้อยู่แล้ว ภรรยาท้อง 3 เดือนเป็นผู้ช่วยพยาบาล เงินเดือน 17,000 คุณแม่ทำงานอยู่ รพ. เหมือนกันเป็นแม่บ้าน
แต่ไม่เคยมาเยี่ยมเลย เขาเล่าให้ฟังแล้วเขาก็ร้องไห้ตอนที่เฟซไทม์กัน แม่ไม่มาเยี่ยมผมเลยเพราะว่าต้องดูแลพ่อป่วยติดเตียงหัวสมองฟีบไปข้างหนึ่ง แม่ต้องคอยดูแล เฮ้ย ทำไมชีวิตคนเรามันถึงได้ขนาดนั้น ฟังไปเราก็รู้สึกเข้าใจน้อง โอเคน้องไม่ได้หลอกผม คุณตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องจริง ได้ไปเจอคุณพ่อแล้ว
ผมก็มานั่งนึกว่าถ้าสมมติเราเอาผิดเขาจริงๆ น้องเขาก็ขอโทษนะ ผมถามเขาว่าทำไมน้องถึงไม่โทรติดต่อมาเลย เขาบอกเขากลัวผมเพราะว่าเราเป็นคนมีชื่อเสียง ผมนั่งนึกในมุมเขา เป็นผมก็กลัว เขาบอกผมผิดจริงแต่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง พี่จะให้ผมจ่ายเดือนเท่าไหร่ครับ
ผมบอกเอาอย่างนี้ดีกว่า รอน้องหายค่อยมาว่ากัน น้องเดินได้ปกติเดี๋ยวเราค่อยมาว่ากัน ตอนนี้ไม่อยากให้สภาพจิตใจเขาแย่ไปด้วย เพราะคุณตำรวจเล่าให้ผมฟังว่า เขาคิดไม่ค่อยดี คิดสั้นด้วย ไปนั่งในมุมเขามันก็เป็นภาระที่หนัก ภรรยาก็ท้อง ตัวเองเลี้ยงครอบครัวไม่ได้ รถก็ผ่อนอยู่ พ่อก็ป่วย เขาเองก็หนักเหมือนกัน
ผมถือว่ามาใช้กรรมร่วมกันแล้วกัน มานั่งคิดกับตัวเองว่าถ้าสมมติบอกว่าน้องต้องให้พี่เดือนละเท่านี้ๆ ตัวผมจะมีความสุขจริงๆ หรอวะ ผมเลยบอกว่า โอเค ไม่เป็นไร พี่ยังไม่เอาอะไร ปรากฏค่าเช็คสภาพมอเตอร์ไซค์ จ่ายให้น้องไปด้วย จ่ายให้เขาไปด้วย ตอนนี้ผมยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับน้อง ให้เขารักษาให้หาย ให้จิตใจเขาดีขึ้นก่อน อย่างน้อยยังโชคดีที่ผมยังมีสภาพจิตใจที่กู้กลับมาได้ดีกว่าเขา”
“เบรกเรื่องกระบวนการยุติธรรมไปก่อน คุณตำรวจถามเหมือนกันว่าคุณตั้มจะเอายังไงดีครับ ผมบอกว่าไม่รู้จะเอาอะไรจากเขาเลย ผมคุยกับเขา ผมยังรู้สึกเจ็บหนักแทนเขาเลย ด้วยตัวผมเองคงไม่ได้คาดคั้นเอาอะไรจากเขา”