รายงานยูเอ็นชี้ 1 ใน 4 ของผู้คนทั่วโลกยังเข้าไม่ถึง ‘น้ำดื่มสะอาด’
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่า องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) และกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุในรายงานร่วมว่า การเข้าถึงน้ำสะอาด สุขอนามัย และสุขาภิบาล หรือ WASH (วอช) ที่ล่าช้า ส่งผลให้ประชากรหลายพันล้านคน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บสูงขึ้น
รายงานฉบับนี้ พิจารณาถึงระดับบริการน้ำดื่ม 5 ระดับ โดยระดับสูงสุดคือระดับที่สมารถบริหารจัดการอย่างปลอดภัย ส่วนระดับต่ำลงมา ได้แก่ “ระดับพื้นฐาน” ซึ่งน้ำสะอาดที่เข้าถึงได้ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที “ระดับจำกัด” ซึ่งน้ำสะอาดแต่ใช้เวลานานกว่า “ระดับไม่สะอาด” เช่น จากบ่อน้ำ หรือน้ำพุที่ไม่ได้รับการป้องกัน และ “ระดับน้ำผิวดิน”
ตั้งแต่เมื่อปี 2558 มีประชาชน 961 ล้านคนที่สามารถเข้าถึงน้ำดื่ม ซึ่งมีการบริหารจัดการอย่างปลอดภัย โดยครอบคลุมเพิ่มขึ้นจาก 68% เป็น 74% ขณะที่ประชากร 2,100 ล้านคน ยังคงขาดแคลนน้ำดื่มเมื่อปี 2567 และมี 106 ล้านคน ต้องใช้น้ำผิวดิน
ด้านจำนวนประเทศที่ยกเลิกการใช้น้ำผิวดินเพื่อการบริโภค เพิ่มขึ้นจาก 142 เป็น 154 ประเทศ เมื่อปีที่แล้ว และมี 89 ประเทศที่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง ในจำนวนนี้ 31 ประเทศ สามารถเข้าถึงการจัดการน้ำที่ปลอดภัย สวนทางกับประชากรมากกว่า 1 ใน 4 ในอีก 28 ประเทศ ที่ยังคงขาดแคลนบริการพื้นฐาน โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในทวีปแอฟริกา
ในส่วนของสุขาภิบาล ประชากร 1,200 ล้านคน สามารถเข้าถึงบริการจัดการสุขาภิบาลอย่างปลอดภัย นับตั้งแต่ปี 2558 โดยครอบคลุมเพิ่มขึ้นจาก 48% เป็น 58% ขณะที่จำนวนผู้ที่ขับถ่ายในที่โล่งลดลง 429 ล้านคน เหลือ 354 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว หรือเทียบเท่า 4% ของประชากรโลก
ด้านสุขอนามัย มีประชากร 1,600 ล้านคนที่สามารถเข้าถึงบริการสุขอนามัยขั้นพื้นฐานได้ รวมถึงการล้างมือด้วยสบู่และน้ำที่บ้าน เพิ่มขึ้นจาก 66% เป็น 80%.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES