'พิชิต' สั่งจับตาพรุ่งนี้ เตรียมวาง 2 แผนรับคำตัดสินศาล ลั่นไม่รับ 'ชัยเกษม' นั่งนายกฯ เด็ดขาด
'พิชิต' สั่งจับตาพรุ่งนี้ เตรียมวาง 2 แผนรับคำตัดสินศาล ลั่นไม่รับ 'ชัยเกษม' นั่งนายกฯ เด็ดขาด พร้อมย้ำจุดยืนต้านพรรคเพื่อไทย ชี้หากนายกฯ รอดคดีคลิปเสียงจะยิ่งกระตุ้นมวลชนออกมาลุกฮือทั่วประเทศ
วันที่ 28 ส.ค.68 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาปฏิรูปประเทศ และหนึ่งในแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เปิดเผยว่า ทางกลุ่มมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการแถลงจุดยืนอย่างชัดเจนในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ภายหลังทราบผลคำพิพากษาศาลกรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ในวันนี้ (28 ส.ค.) กลุ่มได้จัดประชุมใหญ่ เพื่อหารือแนวทางการเคลื่อนไหวก่อนการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ โดยผู้สื่อข่าว The Room 44 ได้สอบถามความคืบหน้าจากนายพิชิต ซึ่งระบุว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดการประชุมจนกว่าผลการตัดสินของศาลจะออกมา เพื่อให้ทุกอย่างมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มรวมพลังแผ่นดินได้เตรียมแผนการเคลื่อนไหวไว้ล่วงหน้าใน 2 แนวทาง ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาล หากศาลวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กลุ่มจะเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที
นายพิชิต ยังยืนยันจุดยืนของกลุ่มว่า หากผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย กลุ่มจะไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด พร้อมระบุว่า “ไม่สามารถหลีกหนีปัญหาและความขัดแย้งได้ หากนายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทยซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของนายทักษิณ ชินวัตร เช่นเดิม” และหากเกิดกรณีดังกล่าว กลุ่มก็จะยกระดับการเคลื่อนไหวทันที
หากผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ มาจากพรรคอื่น เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ภูมิใจไทย) หรือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (รวมไทยสร้างชาติ) กลุ่มจะนำเสนอนโยบายและข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปประเทศ อาทิ การยกเลิก MOU 43 และ 44 รวมถึงคัดค้านแนวคิดการนำคาสิโนถูกกฎหมายเข้าประเทศ โดยจะมีการกำหนดกรอบเวลาให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการตามข้อเสนอของกลุ่ม
นายพิชิต ยืนยันอีกครั้งว่า หากนายชัยเกษมได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริง กลุ่มรวมพลังแผ่นดินจะเดินหน้าเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลทันที โดยให้เหตุผลว่า พรรคเพื่อไทยที่อยู่ภายใต้การนำของนายทักษิณ คือจุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเมืองในประเทศ รวมถึงความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาในอดีต
ในประเด็นเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล นายพิชิตกล่าวว่า “ไม่ว่าคำตัดสินของศาลจะออกมาเช่นไร ประชาชนส่วนใหญ่ก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลชุดนี้อีกต่อไป แม้จะรอดจากคำพิพากษา แต่ความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนก็หมดสิ้นไปแล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคาดหวังต่อทิศทางคำวินิจฉัยของศาล นายพิชิต ตอบว่า ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
นอกจากนี้
เมื่อถามถึงศักยภาพของการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน หากศาลมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อ นายพิชิต ระบุว่า “จะยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ประชาชนออกมาร่วมแสดงพลังมากขึ้นอย่างแน่นอน”
สำหรับประเด็นแรงกดดันจากนานาชาติ หากนายกรัฐมนตรีรอดจากคำวินิจฉัย นายพิชิต แสดงความเห็นว่า อาจมีผลกระทบในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรณีคลิปเสียงที่ระบุว่ามีการเจรจาลับในลักษณะที่ลดทอนอธิปไตยและบั่นทอนความมั่นใจของผู้นำกองทัพไทย “เรื่องนี้จะกลายเป็นคำถามว่า ใครจะกล้าเจรจากับผู้นำที่ไม่สามารถรักษาเกียรติภูมิของประเทศตนเองได้”