แรงส่งเศรษฐกิจไทยแผ่ว แม้ภาษีสหรัฐฯเหลือ 19% ยังเสี่ยงเข้าภาวะถดถอย
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC เปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2568 ว่าอาจขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 1% และมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (Technical recession) แม้ในช่วงต้นปีได้รับแรงหนุนจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า (Front-loading) และอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เจรจาลดลงเหลือ 19% แต่แรงส่งสำคัญจะค่อยๆ แผ่วลง โดยเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตเพียง 1.8% ในปีนี้ และลดลงเหลือ 1.5% ในปี 2569
SCB EIC ระบุว่า แรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การส่งออกที่จะหดตัวแรงหลังหมดผลของการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีสหรัฐฯ มีผลบังคับจริง, ภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอลงทั้งจากความขัดแย้งในภูมิภาคและการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน, การลงทุนภาคเอกชนที่แม้จะฟื้นตัวในไตรมาส 2 แต่ถูกกดดันจากกำแพงภาษีและอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแรง และการเบิกจ่ายภาครัฐที่ล่าช้ากว่าคาด ทำให้แรงกระตุ้นเศรษฐกิจแผ่วลงต่อเนื่อง
แม้การเจรจาลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะช่วยบรรเทาความเสี่ยงการเสียส่วนแบ่งตลาด แต่ SCB EIC ชี้ว่าภาคส่งออกไทยยังเผชิญแรงกดดันด้านการแข่งขัน เนื่องจากคู่แข่งบางประเทศเผชิญภาษีในอัตราที่แตกต่าง อีกทั้งเงินบาทที่แข็งค่าเร็วยังลดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มเติม ขณะเดียวกันยังต้องติดตามความเสี่ยงจากมาตรการสวมสิทธิที่สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีสูงถึง 40% และกระแสสินค้าจีนทะลักเข้าสู่ตลาดโลก ซึ่งจะซ้ำเติมการแข่งขันด้านราคาและกระทบต่ออัตรากำไรของผู้ประกอบการไทย
ในด้านเศรษฐกิจโลก SCB EIC คาดว่าจะชะลอตัวลงต่อเนื่องในปี 2568–2569 โดยอัตราการเติบโตอยู่ที่เพียง 2.4% ต่อปี แม้จะดีกว่าที่คาดจากการที่สหรัฐฯ ออกมาตรการภาษีที่รุนแรงน้อยกว่าประเมินไว้ และหลายประเทศเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาษีนำเข้ารายสินค้า เช่น เซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์ ที่สหรัฐฯ อาจทยอยประกาศเพิ่มเติม ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน
สำหรับนโยบายการเงินโลก แนวโน้มส่วนใหญ่จะผ่อนคลายมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีโอกาสลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด หากข้อมูลตลาดแรงงานยังซบเซา ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางจีน (PBOC) ก็มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจคงดอกเบี้ยในปีนี้แต่เตรียมกลับมาขึ้นดอกเบี้ยในปี 2569
สำหรับประเทศไทย SCB EIC มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลดลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ และอีก 1 ครั้งในปีหน้า เพื่อผ่อนคลายภาวะการเงินที่ตึงตัวและช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 คาดว่าจะอยู่เพียง 0.2% จากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลงต่อเนื่อง แม้ความเสี่ยงเงินฝืดโดยรวมยังไม่สูง แต่ครัวเรือนไทยกำลังเผชิญภาระหนี้สูงและอาจอยู่ในภาวะ “Debt Deflation” ที่จำกัดกำลังซื้อและซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว