‘นี่คือรสชาติของความเป็นไทยที่แท้จริง’ เจาะลึกเบื้องหลัง Shine แบบเข้มข้น กับ ‘มาย-อาโป-สน-ยูโร-ปีเตอร์’
‘Shine’ ถือเป็นก้าวสำคัญที่น่าจดจำ เพราะนี่คือ ‘Original Gay Series’ เรื่องแรกของจาก Be On Cloud
ซีรีส์เรื่องนี้จะพาผู้ชมย้อนกลับไปในปลายยุค 60 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในไทย ยุคที่เต็มไปด้วยความหวังของกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน และการค้นหาตัวเองของตัวละครจากหลากมุมของสังคม ซีรีส์เรื่องนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวของเสรีภาพทางความคิด การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ความรัก ความหวัง ที่จะสะท้อนหลากหลายแง่มุม
งานนี้ มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง, อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, สน ยุกต์ ส่งไพศาล, ยูโร ยศวรรธน์ ทะวาปี และ ปีเตอร์ เดอร์รี่ 5 นักแสดงจากซีรีส์ ‘Shine’ จะมาเล่าถึงจุดเริ่มต้น ‘Shine’ Original Gay Series พร้อมเผยถึงความเข้มข้นของตัวละคร รวมถึงหนึ่งฉากที่ประทับใจจนรู้สึกว้าว
[การเติบโตจาก Boy’s Love สู่ Original Gay Series ของ ‘Shine’]
KinnPorsche The Series ถือเป็นซีรีส์ Boy’s Love (BL) อีกหนึ่งเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการซีรีส์ BL ที่ในขณะนั้นยังคงเล่าเรื่องราวอยู่ในวงจำกัด และทำให้ Be On Cloud เป็นที่จดจำในฐานะค่ายคุณภาพซึ่งมาพร้อมความทะเยอทะยานที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ พาให้คอนเทนต์ไทยไปไกลกว่าที่เคยอยู่เสมอ
และนี่เป็นอีกก้าวสำคัญเมื่อ Be On Cloud ได้ประกาศมูฟออนจากการเป็น BL สู่การใช้คำว่า ‘Shine’ Original Gay Series โดย มาย ภาคภูมิ เผยถึงที่มาของการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเกิดจากการพูดคุยกับ ปอนด์ กฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้บริหารค่าย Be On Cloud ที่เล็งเห็นว่าทุกคนเติบโตจากคำว่า ‘เด็กชาย’ มาสู่ความเป็นชายหนุ่มอย่างเต็มตัว
แต่ถ้ามาใช้คำว่า Man Love นั้น ก็อาจจะดูไม่ตรงตัวเท่ากับ ‘Original Gay Series’ ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชาติใดก็สามารถเข้าใจความรักในเรื่องได้ทันที
อาโป อีกหนึ่งในนักแสดงนำของเรื่องเสริมว่า “คำว่า เกย์ คือผู้ชายที่รักกัน และก็ชัดเจนเพราะซีรีส์มีแต่ผู้ชาย และ ‘ชาย’ คือนิยามของความเป็นชายในแบบต่างๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ Shine ก็คือความเปล่งประกาย เรา Shine ในแบบของตัวเอง และเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องถึงตัวละครที่ต่างคนต่าง Shine ในรูปแบบต่างๆ”
[มาย-อาโป กับอีกก้าวของการเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร]
หนึ่งในจุดที่แข็งแรงที่สุดของ Shine คือเนื้อเรื่องและบริบททางสังคมที่เข้มข้น ส่งให้เกิดตัวละครที่โดดเด่น น่าสนใจ ซึ่งทำให้เราได้เห็นการปรับลุคครั้งใหญ่ในรอบ 3 ปีของ มาย ในบทบาท ‘ธันวา’ และ อาโป ในบทบาทของ ‘ตฤณ’
อาโป เล่าว่า ‘ตฤณ’ เป็นตัวละครที่เน้นหลักการและเหตุผล ซึ่งแตกต่างจากตัวละคร ‘พอร์ช’ บอดี้การ์ดหนุ่มนิสัยขี้เล่น จากซีรีส์ KinnPorsche ที่มักจะใช้อารมณ์และความรู้สึกในการนำทางชีวิต
‘ตฤณ’ มีความจริงจังกับชีวิต มีความฝันที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในยุคนั้นให้ดีขึ้น
แต่เมื่อ ‘ตฤณ’ มาพบกับโลกความเป็นจริงที่ไม่เหมือนอย่างที่คิด สุดท้ายแล้วเขาต้องทำอย่างไร เมื่อตัวเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นยังต้องการอีกหลายองค์ประกอบ
ในขณะที่มายได้รับบทที่กลับกันกับ ‘คินน์’ มาเฟียผู้ดุดัน จากซีรีส์ KinnPorsche เพราะเรื่องนี้เขากลายเป็นพ่อหนุ่มสุขนิยม ซึ่งมายเผยว่านี่เป็นประสบการแปลกใหม่สำหรับเขา โดยหลายส่วนของตัวละครก็มีที่มาจากเขาเอง และเขามีความคล้ายกับตัวละครมากถึง 70%
[สน ยุกต์-ยูโร เสน่ห์ของตัวละคร ‘ไกรเลิศ’ และ ‘ณรัน’ ]
อีกสองตัวละครที่โดดเด่นมากโดยเฉพาะในสองตอนแรกที่ออกอากาศไปคือ ‘ไกรเลิศ’ นายทหารระดับสูง ผู้เต็มไปด้วยอุดมการณ์ ที่รับบทโดย สน ยุกต์ และ ‘ณรัน’ นักข่าวที่คอยค้นหาความจริง และเสี่ยงชีวิตเพื่อเปิดโปงความไม่เป็นธรรม รับบทโดย ยูโร
เมื่อถูกถามถึงเสน่ห์ของตัวละครที่ได้รับ ยูโร เผยว่าด้วยเรื่องราวของซีรีส์ มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยกลิ่นอายของยุคสมัย ที่มีหลากหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น และด้วยอาชีพนักข่าวของตัวละครอย่าง ‘ณรัน’ ที่ถือเป็นตัวละครที่มีส่วนสำคัญ เพราะสื่อถือเป็นกระบอกเสียงหนึ่งเดียวของประชาชนในยุคนั้น]
และเพื่อที่จะเข้าใจอารมณ์ของนักข่าวในยุคที่การเสพข่าว การหาข่าว หรือการเรียนรู้ต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ยูโรก็ได้ลองเล่นกล้องฟิลม์ และหาคลิปในสมัยนั้นดู เพื่อที่จะทำให้เข้าใจณรันที่รักในอาชีพของตัวเองที่สุด
“ผมไม่เคยมีโอกาสได้เล่นพีเรียดในยุคนี้ด้วยครับ ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่อยากลองรับเล่นครับ”
ด้าน สน ยุกต์ เมื่อถามถึงเสน่ห์ของตัวละคร ‘ไกรเลิศ’ สน เล่าว่าตัวละครนี้จะทำให้ทุกคนเห็นในมุมมองของทหารและ ผู้ใหญ่ในยุคนั้น ที่มีความคิดอีกรูปแบบและอาจตอบคำถามที่หลายคนมีว่า ทำไมเขาพวกเขาถึงกล้าที่จะสละความสุขส่วนตัว หรือทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ เพื่อสิ่งที่เชื่อ
สำหรับสน ‘ไกรเลิศ’ คือ ‘เดอะแบก’ ที่ต้องรับผิดชอบทั้งคนข้างหลัง และประเทศชาติไปพร้อมกัน
ก่อนที่ อาโป จะเสริมว่า “ตัวละคร ‘ไกรเลิศ’ จริงๆ เขาอาจจะมีอะไรที่เขาต้องรับผิดชอบเยอะ แต่มนุษย์ทุกคน เขาก็มีมุมส่วนตัวที่มีความชอบที่หลากหลาย ว่าสิ่งที่เขาต้องทำกับสิ่งที่เขาอยากทำ มันมีหลายอย่างที่อยู่ในนั้น แล้วเราได้ยอมรับและค้นหามันหรือยัง”
[ปีเตอร์ กับหนึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้จากตัวละคร ‘วิกเตอร์’]
อีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญมากเช่นกันคือ ‘วิกเตอร์’ นักศึกษาลูกครึ่งที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ หวังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง รับบทโดย ปีเตอร์ นักแสดงหน้าใหม่ที่เดบิวต์ผลงานการแสดงใน ‘Shine’
ปีเตอร์แชร์ว่า หัวใจของตัวละคร ‘วิกเตอร์’ คือความกล้า ไม่ว่าจะ ‘กล้าสู้ กล้าพูด กล้ารัก และกล้าที่จะเป็นตัวเอง’ เพื่อความยุติธรรม เเละอุดมการณ์ของตัวเอง
เมื่อถูกถามถึงหนึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้จากซีรีส์เรื่องนี้ ปีเตอร์ ตอบว่าได้อะไรกลับมาเยอะมาก ถ้าหากให้พูดหนึ่งคำคงไม่ได้ แต่ถ้าให้นิยามก็คงได้เห็นความเป็นมนุษย์ การได้เติบโต เเละความเป็นธรรมชาติ
“ผมได้เห็นความเป็นมนุษย์ ผมรู้สึกว่าการที่ได้ทำผลงานนี้ ผมได้เจอมนุษย์ ได้เล่นเป็นมนุษย์ ได้เข้าใจมนุษย์” (ยิ้ม)
[Shine หนึ่งโมเมนต์ประทับใจที่เปล่งประกายจากสายตาของนักแสดงทุกคน]
เมื่อลองให้ทุกคนเลือกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจ มาย ขอยกให้ความสุดโต่งในทุกบริบทและทุกฉาก “อยากให้ทุกคนได้ลองติดตามดูซีรีส์เพราะความสุดโต่งในทุกตัวละครก็มีข้อดี และข้อเสีย หากคนดูได้ลองกลับมาคิด อาจจะทำให้รู้สึกตามตัวละคร ซึ่งความสุดโต่งคือบริบทของตัวละครธันวา”
ส่วน อาโป ยกให้สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของ ‘Shine’ คือความเป็นมนุษย์ เพราะเรื่องนี้ไม่มีพระเอก ไม่มีตัวร้าย ไม่มีคนดี ไม่มีคนชั่ว แต่ทุกคนอยู่ในโลกของความเป็นจริง และคือมนุษย์จริงๆ ที่มีหลากหลายเรื่องราว หลากหลายอารมณ์ อาโปมองว่านี่คือรสชาติของความเป็นไทยที่แท้จริง
“อยากให้ได้ลองดูซีรีส์ แล้วก็มาแชร์กันว่าทุกคนมองกันอย่างไร ในวันนี้ที่สังคมไทย เดินทางมาถึงจุดที่ซีรีส์เล่าถึงความเป็นมนุษย์ ที่ไม่มีพระเอก นางเอก ไม่มีใครเหนือกว่าใคร “เราทุกคนเท่ากันหมด” แต่เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร และทุกคนได้ Shine ในแบบตัวเองหรือยัง”
สน ยุกต์ เสริมว่า สิ่งที่ทำให้เขาทึ่งเสมอคืองานศิลป์ ทั้งภาพ แสง สี เพลงประกอบ ที่เขาขอยกให้เป็นระดับโลก ทุกคนจะได้เห็นการเล่าเรื่องด้วยภาพที่เป็นศิลปะ แต่เนื้อเรื่องยังเข้าใจง่าย ส่วนงานคราฟต์ ซีรีส์ Shineไม่แพ้ใครแน่นอน
หลังจากที่หลายคนได้ชมกันไปแล้ว 2 EP แรก ก็คงสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและความทุ่มเทของทีมงานและนักแสดงทุกคน ที่ต่างร่วมแรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด
ทั้งภาพ แสง สี เพลงประกอบ และเนื้อหาที่เข้มข้นวิพากษ์สังคมในยุคที่มีการชักเย่อยื้อแย่งอำนาจระหว่างประชาชนและรัฐบาลทหาร ซึ่งตอกย้ำอัตลักษณ์ของผลงานจาก Be On Cloud และยังทำให้ผู้ชมตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อว่า เรื่องราวและตอนต่อไปที่เหลือจะอย่างไร
บทสัมภาษณ์นี้เป็นเเค่เนื้อหาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สามารถติดตามและรับชมสัมภาษณ์เต็มๆ ของ ‘มาย-อาโป-สนยุกต์-ยูโร-ปีเตอร์’ ได้ทางรายการ SERIES SOCIETY ทาง Youtube : TODAY