ตท.26 เรียบวุธ ยึดทบ. เบ็ดเสร็จ วัดใจ “บิ๊กปู”

บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ที่เรียกว่า โผแรก ส่งจาก ผบ.เหล่าทัพ ถึง กลาโหม แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ยังมีการเขย่าปรับเปลี่ยน ก่อนที่จะมีการประขุม บอร์ด 6 เสือกลาโหม ในปลายเดือน ส.ค. นี้

นำโดย “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และรักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยเป็นครั้งแรกที่ การแต่งตั้งโยกย้ายทการ ที่ ไม่มี รมว.กลาโหม

และเป็นครั้งแรกของ การจัดโผโยกย้ายทหาร กลางศึกไทย-กัมพูชา จนเรียกว่า เพราะเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก เพราะมีการเปลี่ยนทั้ง ปลัดกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. รวมทั้ง แม่ทัพภาค 2

ท่ามกลาง กระแสความแรงของเตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) ภายใต้ การนำของ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ที่กำลังผลักดัน เพื่อน ตท.26 ขึ้นมาคุมตำแหน่งสำคัญ เพื่อความเป็นทีมเวิร์ค และ เป็นที่ไว้วางใจ

พล.อ.พนา นั่งเป็นผบ.ทบ. ต่อเป็นปีที่ 2 ด้วยเก้าอี้ ที่มั่นคง โดยเฉพาะเมื่อต้องเป็นแม่ทัพใหญ่ในการนำสู้ศึกกัมพูชาในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพราะแม้จะเป็นห้วงของการหยุดยิงแต่สถานการณ์ตึงเครียดและต้องมีการปรับองคาพยพด้านการทหารรับมือภัยคุกคามด้านตะวันออกในระยะยาว

ดังนั้นในส่วนของกองทัพบกจึงต้องมีการกระชับอำนาจด้วยการวางตัวแม่ทัพนายกองตำแหน่งสำคัญ เป็นคนที่ไว้วางใจโดยเฉพาะเพื่อนเตรียมทหาร 26

อีกทั้ง พล.อ.พนา ก็เป็นคนที่รักเพื่อนและดูแลเพื่อนจึงจำเป็นต้องขยับยศและตำแหน่งให้เพื่อนร่วมรุ่นที่ใกล้จะเกษียณราชการ

โดยคาดการณ์ว่าในระดับห้าเสือกองทัพบก “บิ๊กปูด้วง” พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก เพื่อนสนิทเตรียมทหาร 26 จะขยับขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก เป็นเพื่อนคู่คิดเป็นคู่ใจให้ พล.อ.พนา ที่จะทำให้กองทัพบก เข้าสู่ยุค “2ปู” คือ ผบ.ปูและ เสธ.ปู

ที่จับตามองกันคือตำแหน่งคุมกำลังในส่วนของกองทัพภาค ที่เตรียมทหารรุ่น 26 จะยึด และพี่ต้น ทั้งหมดยกเว้นกองทัพภาค1 ซึ่งไม่มีเตรียมทหาร 26 อยู่ในไลน์ แต่ก็ถูกมองว่า พล.อ.พนา วางตัว ตท.28 ให้ขึ้นมา คุม โดยให้ ตท.28 ไปตกลงกันในรุ่นเองว่า จะให้ใคร เป็นแม่ทัพภาค 1 แม่ทัพน้อย 1 ระหว่าง “แม่ทัพไก่” พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพน้อย1 “รองกอล์ฟ” พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ รองแม่ทัพภาค1 และ “รองแอ้ม” พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ รองแม่ทัพภาค1

ขณะที่ กองทัพภาค 2 ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.พนา ตัดสินใจให้ “รองเติ่ง” พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ รองแม่ทัพภาค 2 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 เป็นแม่ทัพภาค 2 คนใหม่ แทน “บิ๊กกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่จะเกษียณราชการ 30 ก.ย.นี้

โดยคาดว่า พล.ท.บุญสิน จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ผบ.ทบ. ช่วยงานกองทัพต่อไปโดยเฉพาะการช่วยดูแลกองทัพภาค 2 และคาดว่าจะ มีการเสนอให้ได้รับพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษ

ขณะที่ ตำแหน่งแม่ทัพน้อย2 ยังคงเป็นที่จับตามองว่า พลเอกพนา จะดัน ตท26 ขึ้นมานั่ง จากเดิมที่คาดกันว่า “รองยูร” พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาค 2 ที่เป็น ตท.26 จะขึ้น พลโท เป็น แม่ทัพน้อยที่2 แต่มีข่าวสะพัด จากสายตท.26 ว่าจะให้ พล.ต.ปิยะพณห์ ฐิตวัฒนานนท์ รองแม่ทัพภาค 2 เพื่อน ตท.26 ขึ้น เป็นแม่ทัพน้อย 2 ก่อน เพราะจะเกษียณ ตค.2569 แล้ว ส่วน พล.ต.นรธิป ยังมีอายุราชการถึง ต.ค.2570

เมื่อ ตท.26 ยึดแม่ทัพใหญ่ และแม่ทัพน้อย อีสาน ก็ทำให้ ตท.27 อย่าง พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 ที่มีกองเชียร์เยอะ อาจต้องถูกเตะออกนอก ทัพภาค2 ครั้งแรก หลังจากที่รับราชการในกองทัพภาค2 มาตลอดชีวิต ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะถูกส่งไป กอ.รมน. สวนรื่น ในกทม. หรือ ข้าม ไปอยู่กองบัญชาการกองทัพไทย ในกรมชายแดนทหาร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันว่า จะได้เป็น พลตรีเหมือนเดิมในตำแหน่ง รองเจ้ากรมชายแดนทหาร หรือจะได้เป็น พลโท ตำแหน่ง เจ้ากรมชายแดนทหาร เลยเพราะ เป็นจังหวะ ที่ เสธ.เอี่ยว พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว ก็จะต้องขยับขึ้น พล.อ.แต่ทว่า ก็มี พล.ต.ยุทธภูมิ บุญฤทธิ์ เป็น รองเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร จ่อคิวอยู่

ขณะที่ กองทัพภาค 3 มีกระแสข่าวว่า จะดันเพื่อน ตท.26 อย่าง พล.ต.วรเทพ บุญญะ รองแม่ทัพภาค3 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาค 3 คนใหม่ แม้ว่า จะมี พล.ต.ชายแดน กฤษณะสุวรรณ รองแม่ทัพภาค 3 จาก ตท.27 เป็น ตัวเต็ง ก็ตาม แต่ก็อาจต้อง หลบทางให้ พลตรีวรเทพ ที่เพิ่งขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาค3 เพื่อให้จ่อขึ้นเป็น แม่ทัพภาค3

ส่วน ที่ปลายด้ามขวาน ก็มีข่าวสะพัดแรงว่า จะเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาค 4 จากเดิมที่ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ จะได้นั่ง แม่ทัพภาค 4 ต่อเป็นปีที่ 2 แต่ล่าสุด มีกระแสว่า ตท.26 จะดัน รองต่อ พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ รองแม่ทัพภาค4 หรือ พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่4 ขึ้น เป็นแม่ทัพภาค 4

รวมถึง ตำแหน่ง ในระดับ ผบ.มทบ. ทั่วประเทศก็มีรายงานว่าจะให้เป็นความสำคัญของรุ่น 26 ในการลงตำแหน่งก่อนเพราะใกล้จะเกษียณ

หาก เป็นไปตามการจัดโผของพลเอกพนา และเตรียมทหาร รุ่น 26 ก็จะยึด สูตรอำนาจนี้ เพื่อคุมอำนาจในกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จในการพร้อมสู้ศึกกับกัมพูชาเนื่องจากในการรบครั้งนี้กองทัพบกได้ระดมกำลังทั้งในส่วนของกองทัพภาค1 และกองทัพภาค 3 มาเสริมกำลังในพื้นที่ของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาค 2 ด้วย