คิดว่า And Just Like That… ซีซั่น 3 ยังเป็นแรงบันดาลใจด้านแฟชั่นในยุค Gen Z ไหม?
LSA Says: เมื่อพูดถึงซีรีส์‘And Just Like That…’ หลายคนอาจนึกถึงซีรีส์ที่สานต่อจาก ‘Sex and the City’ ด้วยการพาผู้ชมกลับมาสำรวจชีวิตและความสัมพันธ์ของผู้หญิงวัย 50+ ในมหานครนิวยอร์ก แต่สิ่งที่ยังคงเป็นไฮไลต์หลักของเรื่องก็คือ ‘แฟชั่น’ที่เหมือนเป็นอีกภาษาหนึ่งของตัวละคร และในซีซั่น3 นี้ไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่นที่ฉูดฉาดเท่านั้น แต่ยังสะท้อนคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับความเป็นจริงของสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะในสายตาของคนรุ่น Gen Zว่าสิ่งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นยุคปัจจุบันนี้หรือแม้แต่รุ่นใหม่อยู่หรือเปล่า?
‘Carrie Bradshaw’ ตัวละครนำที่รับบทโดย Sarah Jessica Parker ยังคงเป็นศูนย์กลางด้านสไตล์ในเรื่องนี้ เธอเลือกชุดที่ท้าทายสายตาและชวนให้พูดถึงเสมออย่างเดรสปักดอกไม้สามมิติจาก Simone Rocha ที่ทำให้เธอดูราวกับเดินออกมาจากสวนดอกไม้ หรือหมวกดีไซน์แหวกแนวของ Maryam Keyhani ที่กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ แต่สิ่งที่แตกต่างคือซีซั่นนี้ Carrie ไม่ได้แต่งตัวเพื่อสร้างแฟนตาซีเพียงอย่างเดียว เธอมีลุคที่น่าลองแต่งในชีวิตจริงมากขึ้น เช่น เสื้อคาร์ดิแกนสีพาสเทลจับคู่กับกระโปรงฟูฟ่อง และรองเท้าบู๊ตผูกเชือกที่ดึงความคลาสสิกมาผสมกับความสดใหม่ได้อย่างลงตัว
ด้าน ‘Miranda Hobbes’ นำแสดงโดย ‘Cynthia Nixon’ กลายเป็นตัวแทนของแฟชั่นที่สะท้อนความสบายใจและการยอมรับตัวเองมากขึ้น เธอสวมชุดโทนเอิร์ธโทนเรียบง่าย กางเกงผ้าตรงสไตล์ Katharine Hepburn ที่สื่อว่าความมั่นใจไม่จำเป็นต้องอยู่ในโครงสร้างเดิมๆ ของแฟชั่นผู้หญิง ส่วน ‘Charlotte York’ ที่รับบทโดย Kristin Davis ก็ยังคงความ Upper East Side Girl ไว้อย่างเหนียวแน่น เดรสสีหวาน ลายโพลกาดอท และซิลูเอตแบบดั้งเดิมยังคงทำให้เธอเป็นขั้วตรงข้ามที่น่าหลงรักของ Carrie และในซีซั่นนี้เธอยังเพิ่มลูกเล่นที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น เช่น กระโปรง midi ที่จับคู่กับบลาวส์โทนสดเพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
ในขณะที่ Seema Patelรับบทโดย ‘Sarita Choudhury’ สร้างสมดุลอีกด้านให้แก๊งนี้ด้วยแฟชั่นที่หรูหราและเซ็กซี่ เธอเลือกใส่เสื้อโค้ตผ้าไหมโทนทอง หรือเดรสเนื้อผ้าเมทัลลิกที่ขับความมั่นใจและพลังของเธอออกมาได้อย่างเต็มที่ เป็นการยืนยันว่าความลักชัวรีที่ไม่ได้มีกรอบของอายุ แต่คือการแสดงออกทางสไตล์ที่ไม่ต้องขออนุญาตจากใคร
จริงๆ แล้วสิ่งที่Gen Z สนใจไม่ใช่เพียง ‘ชุดสวย’แต่คือ ‘ความหมายของชุดเหล่านั้น’และซีซั่นนี้เองก็ทำให้เห็นว่าแฟชั่นคือวิธีเล่าเรื่องราวชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นความไม่สมบูรณ์ ความเปลี่ยนแปลง หรือความมั่นใจที่ค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกับเวลา การที่ตัวละครแต่ละคนเลือกเสื้อผ้าที่สะท้อนช่วงชีวิตของตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา คือเหตุผลที่แฟชั่นใน And Just Like That… ยังเป็นแรงบันดาลใจได้แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปีจาก Sex and the City
นอกจากนี้สิ่งที่Gen Z มองหาในแฟชั่นไม่ใช่แค่ความหรูหราหรือมูลค่าสูง อย่างเบื้องหลังการเลือกชิ้นวินเทจที่ Carrie กลับมาใส่คือการพูดถึง‘ความยั่งยืน’ และ ‘Slow fashion’ แบบที่Gen Z ให้ความสำคัญจริงจัง เช่นเดียวกับการเปิดพื้นที่ให้ตัวละครรุ่นใหม่ในเรื่องที่มาพร้อมสไตล์ท้าทายขนบธรรมเนียมเดิมและการมีลูกเล่นคล้ายแฟชั่นใน TikTok ซึ่งทำให้โลกของ And Just Like That… ดูพยายามปรับตัวเข้าถึงผู้ชมรุ่นใหม่มากขึ้น
และ Gen Z ยังมองว่าแฟชั่นในซีรีส์คือ ‘พื้นที่สำหรับการมีตัวตนที่หลากหลาย’ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอสีสันที่สดใส ลุค Unisex หรือการผสม High-low fashion ที่ยืดหยุ่นตามความเป็นจริงมากกว่าภาพจำเดิมๆ ของกลุ่มสาวUpper East Sideทุกสิ่งล้วนทำให้Gen Z รู้สึกว่าโลกแฟชั่นในซีรีส์ไม่ใช่โลกที่ห่างไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
สรุปแล้วซีรีส์And Just Like That… ซีซั่น3 จึงไม่ใช่เพียงการสานต่อความสำเร็จของ Sex and the City แต่เป็นเวทีที่แฟชั่นถูกรีเฟรมให้กลายเป็นทั้งภาพจำไอคอนิก และพื้นที่ของความหลากหลายที่คนรุ่นใหม่พร้อมจะเอนเกจและตีความต่อไปเรื่อยๆ เพราะในสายตาคน Gen Zเสื้อผ้าไม่ได้บอกแค่ว่า ‘ใครใส่อะไร’แต่สะท้อนว่า ‘โลกยุคนี้กำลังพูดอะไร’ นั่นเอง…
Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.