ทนายเผยท่าที ทักษิณ ช่วงฟังคำตัดสิน จ่อยื่นศาล ขอออกนอกประเทศ ยันไปฟังคดีชั้น14
ทนายวิญญัติ เผยท่าที ทักษิณ ช่วงฟังคำพิพากษา หลังทราบผล เจ้าตัวดีใจ ลั่นพร้อมทำประโยชน์ให้ประเทศ จ่อยื่นศาลขอออกนอกประเทศ ยันวันที่ 9 ก.ย.ไปฟังคดีชั้น 14 อย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ ว่า ศาลยกฟ้องโดยใช้หลากหลายเหตุผล และการพิสูจน์ของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ตามฟ้อง
เรื่องนี้ศาลใช้หลักการในการชั่งน้ำหนักตัววัตถุพยาน ศาลเชื่อว่ามีการสัมภาษณ์จริงที่นั่น แต่บทสัมภาษณ์มีมากกว่าที่ปรากฏอยู่ภายในคลิปวิดีโอ ซึ่งเป็นบางส่วนและมีถ้อยคำตรงกัน เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ ไม่ใช่หน้าที่จำเลยที่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าเป็นการตัดต่อหรือไม่ เพราะส่วนนี้เป็นหน้าที่ของโจทก์
แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้พิสูจน์ให้ชัดเจนว่าไม่ได้ตัดต่อ ศาลรับฟังด้วยความระมัดระวัง และเห็นว่าน่าเชื่อว่ามีการสัมภาษณ์ แต่การสัมภาษณ์ดังกล่าวจะสามารถตีความและรับฟังได้ว่าหมายถึงบุคคลตามมาตรา 112 หรือไม่นั้น ศาลประกอบด้วยหลักไวยากรณ์ ตามหลักไวยากรณ์ มีประธาน กริยาและกรรม ซึ่งศาลมองว่าประธานเป็นบุคคลที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นบุคคลตามมาตรา 112 แม้จะมีสรรพนามว่าเขา ซึ่งพยานบางปากนำมาตีความพิจารณาโดยใช้หลักอะไรของพยานแต่ละคนก็ตาม
ศาลเห็นว่ารับฟังได้น้อยมากไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากพยานที่เป็นพยานความเห็นมีอคติ ซึ่งฝั่งจำเลยก็พิสูจน์ว่าพยานความเห็นเคยแสดงออกทางเมืองอย่างไรบ้างในอดีต มีใครให้การแบบขัดแย้งและไม่เป็นกลางในชั้นสอบสวนและชั้นศาลบ้าง บางถ้อยคำก็นึกคำขึ้นเอาเองว่า ตัวนายทักษิณ น่าจะพูดแบบนั้น เพื่อให้แปลความว่าหมายถึงบุคคลตามมาตรา 112
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ศาลยังใช้พจนานุกรมของต่างประเทศ ว่าความหมายตามที่ปรากฏในคำฟ้องหมายถึงอะไรบ้าง ตนไม่ขอลงรายละเอียดในส่วนนี้ แต่รับฟังได้ว่า ความหมายดังกล่าวไม่ได้หมายถึงพระมหากษัตริย์ เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์ประกอบความผิด องค์ประกอบภายนอก จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 และองค์ประกอบที่เป็นการกระทำต้องทำให้เข้าใจว่าหมายถึงบุคคลใด
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ศาลยังเห็นว่าพยานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ของฝ่ายจำเลย มีความรู้และเชี่ยวชาญ ได้แปลความและพยานที่จำเลยอ้างทั้งหมด และตั้งแต่ต้นนายทักษิณ ปฏิเสธอย่างหนักแน่นอยู่แล้ว จึงเป็นภาระการพิสูจน์ของฝ่ายโจทก์ ทั้งการนำคลิปวิดีโอมา การแปลความ น่าเชื่อถือหรือไม่ และเรื่องการสอบสวนในอดีตว่ามีความเป็นมาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่ามีความกังวลใจในการอุทธรณ์ในชั้นต่อไปหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า คดีนี้ยกฟ้อง การอุทธรณ์เป็นหน้าที่ของอัยการซึ่งเป็นโจทก์จะพิจารณาว่ามีประเด็นอะไรที่จะอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งการจะอุทธรณ์ประเด็นใดบ้าง มักอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ถ้าข้อกฎหมายยังเห็นไม่ตรงกันอาจอุทธรณ์ได้ แต่เรื่องนี้ข้อเท็จจริงค่อนข้างชัดเจนแล้ว ตนยืนยันว่าไม่กังวล ถ้าจะมีการอุทธรณ์หลังจากนี้ ทีมทนายความก็มีหน้าที่แก้อุทธรณ์
“การอุทธรณ์ไม่ใช่สักแต่อุทธรณ์อย่างเดียว ต้องดูว่ามีสาระสำคัญหรือข้อกฎหมายที่ควรอุทธรณ์หรือไม่ ผมทำคดีการเมืองมาหลายเรื่อง ไม่เห็นว่าจะมีการอุทธรณ์ทุกเรื่อง เดี๋ยวสังคมก็ไปกดดันว่าจะต้องให้อัยการอุทธรณ์เหมือนกับที่กดดันให้ดำเนินคดีนายทักษิณ และความเห็นของสังคมที่ทำลายและแย่งชิงอำนาจ ซึ่งผมไม่อยากใช้คำว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะนี่คือปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบัน ผมจึงไม่อยากให้ศาลตกเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง”
เมื่อถามว่าภายหลังศาลมีคำสั่งยกฟ้อง นายทักษิณมีท่าทีอย่างไร นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณยิ้ม พร้อมกล่าวขอบคุณทีมทนายความ พร้อมบอกว่าหลังจากนี้จะได้ทำคุณประโยชน์และทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่
ส่วนบรรยากาศในช่วงการฟังคำพิพากษา นายทักษิณมีท่าทางเรียบเฉย และใช้สมาธิในการฟังคำพิพากษาของศาล และเมื่อศาลอ่านถึงท่อนที่ว่าพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ นายทักษิณจึงยิ้มและดีใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ตกเป็นจำเลยอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อกล่าวหานี้ที่ตนมองว่าเป็นข้อกล่าวหาที่นำมาเล่นงานนายทักษิณ และเจ้าตัวตกเป็นเหยื่อ ตอนนี้ถือว่าได้พิสูจน์ตัวเองและเดินเข้าสู่กระบวนการอย่างเต็มที่ ซึ่งผลก็ออกมาตามที่ทุกคนเห็นในวันนี้
เมื่อถามว่าการยกฟ้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนพูดได้เต็มปากในฐานะทนายความของนายทักษิณว่า ศาลได้นำคำถามค้านของจำเลยไปพิจารณาประกอบกับพยานของโจทก์จำนวนมาก ตนนึกย้อนกลับไปก็ดีใจว่าได้ทำเต็มที่แล้ว และหลายคนจับตามองว่าสิ่งที่เป็นสาระสำคัญคืออะไร ซึ่งตนอาจจะเปิดเผยในอนาคตอันใกล้
เมื่อถามว่าคดีนี้เกี่ยวกับมาตรา 112 เช่นเดียวกับคดีมาตรา 112 ที่ประชาชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดนมาตรานี้เล่นงานเช่นเดียวกัน จะนำไปเปรียบเทียบกันหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า มาตรา 112 เป็นที่จับตาหรือไม่ ตนมองว่าเรื่องที่จับตาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย
ประเทศไทยอยู่ได้เพราะการเมือง พยายามทำให้การเมืองเป็นปัญหา การฟ้องคดี 112 ก็เป็นส่วนหนึ่ง และผู้มีอำนาจรัฐก็นำมาตรานี้มาใช้กับผู้เห็นต่าง ตนไม่ได้หมายความว่าผู้ที่โดนคดี 112 ทุกคนจะต้องได้รับความเห็นใจ แต่ตนอยากให้แยกการกระทำของแต่ละคนที่มีการโต้แย้งในสภาฯว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมาย เป็นเรื่องของการตีความ ซึ่งตนมองว่าส่วนใหญ่มาตรา 112 ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง
เมื่อถามว่าหลังจากนี้นายทักษิณ สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตอนนี้ข้อหานี้ยกฟ้องแล้ว ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ คำสั่งขอออกนอกประเทศ หลังจากนี้ทีมทนายความจะยื่นคำร้องเพิกถอนในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน ส่วนการเดินทางไปในช่วงนี้หรือไม่นั้น นายทักษิณคงไม่เดินทางไปในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าการเตรียมพยานหลักฐานก่อนหน้านี้ นายทักษิณได้บอกอะไรเพิ่มเติมกับทีมทนายความหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้บอกอะไรกับทีมทนายความ แต่ใส่ใจทุกเรื่องทั้งการสืบพยานที่ได้เป็นคนลุกขึ้นมาซักค้านพยานทุกปากด้วยตนเองอย่างละเอียดว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าหลังจากนี้มีอะไรอยากฝากถึงสังคมว่าหลังจากยกฟ้องแล้ว สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ สังคมจะกังวลว่าจะมีการหลบหนีก่อนนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณ ยืนยันจะเข้าฟังการนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 ในวันที่ 9 ก.ย.นี้อย่างแน่นอน
บุคคลที่ชอบคิดว่านายทักษิณจะหนี หรือเอาผลประโยชน์เข้าครอบครัว ตนคงไม่กราบวิงวอนบุคคลเหล่านี้ให้เลิกคิด เพราะเป็นไปได้ยาก ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักอาศัยกินบุญเก่า คิดว่าพูดแล้วจะมีคนฟังหรือเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง อันนี้อยู่ที่สติปัญญาของบุคคลในสังคม และอยากฝากบุคคลในสังคมให้ใช้สติปัญญาในการรับฟังบุคคลกลุ่มนี้ด้วย ที่ผ่านมาพิสูจน์อยู่แล้วว่านายทักษิณไม่ได้หลบหนี และสู้คดีดังกล่าวมาโดยตลอด
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทนายเผยท่าที ทักษิณ ช่วงฟังคำตัดสิน จ่อยื่นศาล ขอออกนอกประเทศ ยันไปฟังคดีชั้น14
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th