โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

Focus หุ้น mai : ปรับลดกำไร JUBILE แนะนำ “ถือ” เป้า 9 บ.

ทันหุ้น

อัพเดต 31 ส.ค. เวลา 09.33 น. • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

#ทันหุ้น – บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด รายงานกำไร 2Q/68 หดตัว QoQ และหดตัว YoY รายงานกำไร 2Q/68 ที่ 18 ล้านบาท -32%QoQ และ -54%YoY ตามรายได้ 2Q/68 ที่ปรับตัวลง 6%QoQ และลดลง 24%YoY สู่ 272 ล้านบาท จากยอดขาย Same Store Sales ปรับตัวลง 19.7%YoY และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แม้ว่าจะมีการจัดงานครบรอบ 96 ปี และ Mid-Year Sales ในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ตามลำดับ

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงจาก 49.2% สู่ 49.0% เนื่องจากมีการจัดงานใหญ่ 2 งานข้างต้นซึ่งมีการจัดโปรโมชั่นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง

ทั้งนี้บริษัทรายงานรายได้และกำไร 1H/68 ที่ 563 ล้านบาท และ 44 ล้านบาท หดตัว 24%YoY และหดตัว 81%YoY ตามลำดับ โดยกำไร 1H/68 คิดเป็น 34% ของประมาณการเดิม

** ดีมานด์ลดลง

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตชะลอตัวจากผลกระทบของการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยของสหรัฐ โดยคาดว่าปี 2568 และ 2569 เศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 2.0% ต่อปี (คาด GDP 1H/68 ขยายตัว 3.0% แต่คาด GDP 2H/68 ขยายตัว 2.6%) และ 1.7% ต่อปีตามลำดับ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ความต้องการซื้อเพชร ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยชะลอตัวตามไปด้วย

นอกจากนี้ผลกระทบจากเพชรสังเคราะห์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ปี 2566 มีส่วนแบ่งการตลาด 9.3% เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในปี 2563 เนื่องจากราคาต่ำกว่าเพชรธรรมชาติกว่า 50% แต่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันส่งผลให้ De Beers ซึ่งเป็นผู้ผลิตเพชรธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกปรับราคาขายเพชรลง 40% ในปี 2566 (ที่มา Gem and Jewelry Institute of Thailand)

ทางฝ่ายปรับลดคาดการณ์รายได้และกำไรปี 2568 จาก 1.32 พันล้านบาท และ 128 ล้านบาท เหลือ 1.2 พันล้านบาท และ 107 ล้านบาท ลดลง 9% และลดลง 16% จากประมาณการเดิม เนื่องจากรายได้ 1H/68 อยู่ที่ 563 ล้านบาท -24%YoY คิดเป็น 47% ของประมาณการ ทั้งนี้เราคาดว่ารายได้ครึ่งปีหลังจะกลับมาเติบโตหลังไทย-สหรัฐ บรรลุข้อตกลงทางการค้า

** ปรับลดรายได้

โดยเราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568 ขึ้น จาก 47.7% สู่ 48.5% (GPM 1H/68 อยู่ที่ 49%) พร้อมกันนี้เราปรับลดประมาณการรายได้และกำไรปี 2569 ลงจาก 1.38 พันล้านบาท และ 136 ล้านบาท เหลือ 1.29 พันล้านบาท และ 130 ล้านบาท ลดลง 7% และ 4% จากประมาณการเดิมตามลำดับ

ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER โดยใช้ค่าเฉลี่ย P/E Ratio ย้อนหลัง 1 ปี ได้ค่าเฉลี่ย 12.0 เท่า ทั้งนี้เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2569 โดยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2569 ราว 0.74 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมอยู่ที่ 9.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาเหมาะสมปี 2568 แม้จะมี Upside สูงถึง 24% แต่ผลประกอบการที่ชะลอตัวจากปี ก่อนและยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวทำให้เราคงคำแนะนำ “ถือ”

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...