โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

"คำพิพากษา" คดีน้องชมพู่ ศาลฎีกาชี้คดีร้ายแรง-โทษหนัก ไม่ให้ประกันตัว "ลุงพล"

Thai PBS

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Thai PBS
สรุปคำพิพากษา “คดีน้องชมพู่” ศาลชี้ 2 ครอบครัวมีเหตุขัดแย้ง ปมก่อเหตุฆาตกรรม “น้องชมพู่” เชื่อผู้ตายเดินขึ้นยอดภูเหล็กไฟเองไม่ได้ พร้อมชี้แจงไม่ให้ประกัน “ลุงพล” โทษหนักหวั่นหลบหนี

วันนี้ (15 ส.ค.2568) ศาลยุติธรรม ได้เผยแพร่ สรุปคำพิพากษา

คดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ "น้องชมพู่" หลังศาลอุทธรณ์พิพากษานายไชย์พล วิภา ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาจำคุก 15 ปี และ ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง จำคุก 10 ปี และ กระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือ สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพมีผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป รวมคำคุก 26 ปี ส่วนภรรยาให้ยกฟ้อง

คดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารเป็นโจทก์ ฟ้องนายไชย์พล หรือ "พล วิภา" เป็นจำเลยที่ 1 และ น.ส.สมพร หรือ แต๋น หลาบโพธิ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในฐานความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ทอดทิ้งเด็ก และความผิดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กล่าวคือ

(1 ) จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 7

(2) จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และกระทำความผิดฐานทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 306, 308 และ

(3) จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพผู้ตายในประการที่จะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 1 50 ทวิ

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณา นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และนายอนามัย วงศ์ศรีชา ผู้เสียหายทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมเฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่น ข้อหาพรากเด็ก และข้อหาทอดทิ้งเด็ก และโจทก์ร่วมทั้งสองขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี ข้อหาอื่นให้ยก ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 2 โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสอง และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีแล้ว มีความเห็นโดยสรุปว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานไปตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่า มีการปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จเพื่อใส่ร้ายผู้ใดโดยไม่มีมูลความจริง แม้ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความ แต่เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แวดล้อมคดีใกล้ชิดกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุแล้ว เชื่อว่า ผู้ตายไม่อาจเดินไปบนยอดเขาภูเหล็กไฟที่พบศพได้ด้วยตนเองเป็นแน่ และไม่ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนเองออก แต่มีคนร้ายพาตัวผู้ตายขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ และตัดผมผู้ตาย รวมถึงถอดเสื้อผ้าและกางเกงของผู้ตายออกเพื่ออำพรางคดี

เมื่อพิจารณาประกอบกับการที่มีพยานแวดล้อมเห็นจำเลยที่ 1 อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ อีกทั้งพยานหลักฐานที่ได้รับการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการที่น่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ยังบ่งชี้ว่า รอยตัดเส้นผมหรือเส้นขนที่อยู่ในรถยนต์ของจำเลยที่ 1 มีองศาเดียวกันกับรอยตัดเส้นผมหรือเส้นขนบริเวณที่พบศพผู้ตาย คือ มีรอยเฉียง 26 องศา เท่ากัน รวมถึงครอบครัวของโจทก์ร่วมทั้งสองกับจำเลยทั้งสองเคยมีสาเหตุไม่พอใจกันมาก่อน ประกอบกับพยานหลักฐานอื่น ๆ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยเล็งเห็นผล พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 นำสืบมามีพิรุธหลายประการ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ยังไม่เพียงพอให้รับฟังหักล้างพยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ส่วนจำเลยที่ 2 พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควร ให้ยกฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ฐานทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้เด็กที่ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ฐานพรากเด็ก และฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น รวมจำคุก 26 ปี ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 1,350,000 บาท และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 1 ,200,000 บาท

อนึ่ง ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 ชั่วคราวระหว่างการใช้สิทธิยื่นฎีกา ศาลจังหวัดมุกดาหารมีคำสั่งให้ส่งศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งภายหลังศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกด้านลบต่อสังคม ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 4 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนดถึง 26 ปี นับว่าเป็นโทษสถานหนัก หากได้รับการปล่อยชั่วคราวอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา ยกคำร้อง

อ่านข่าว : เปิดหลักฐาน "เส้นผม" น้องชมพู่ มีรอยตัดตรงกับบนเขา-รถลุงพล

ศาลไม่ให้ประกัน "ลุงพล" คดี "น้องชมพู่" ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง โทษสูงกลัวหลบหนี

ศาลอุทธรณ์ แก้โทษจำคุก 26 ปี "ลุงพล" - ยกฟ้อง "ป้าแต๋น" คดีน้องชมพู่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thai PBS

สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ฉบับ 4 "เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ" ทรงพระประชวร

30 นาทีที่แล้ว

นายกฯ ยังเลี่ยงตอบ หลังสื่อถาม 21 ส.ค.นี้ ไปศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่

32 นาทีที่แล้ว

"พลทหาร" ยิงตัวเองเสียชีวิต หลังก่อเหตุยิงชาวบ้านเจ็บ

41 นาทีที่แล้ว
วิดีโอ

ปลูกเพราะรัก กินเพราะชอบ สวนทุเรียนของครอบครัว

46 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าว อาชญากรรม อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไขข้อสงสัย "ต่อมลูกหมากโต" ไม่ใช่ "มะเร็งต่อมลูกหมาก" จริงหรือไม่

Thai PBS

คุมตัวขอฝากขัง "ทิดสฤษดิ์-สีกา" ฐานยักยอกเงินวัด

Thai PBS

ชี้ปัญหา "ระบบขนส่งเชียงใหม่" ต้องร่วมออกแบบให้ตอบโจทย์คนใช้

Thai PBS
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...