‘โฆษกสาธารณสุข’ ชี้นักเรียน ม.5 ทำร้ายครู ไม่ใช่เรื่องปกติ กรมสุขภาพจิตส่งทีม MCATT ประเมินสภาพจิตใจผู้ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลสุขภาพจิตของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทำร้ายร่างกายครู ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ ซึ่งผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ โดยกรมสุขภาพจิตมีการประสานร่วมกับทางโรงเรียนในพื้นที่ ขณะนี้ได้ส่งทีมประเมินสุขภาพจิต (ทีม MCATT) จาก จ.อุทัยธานี และจ.นครสวรรค์ ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อประเมินสุขภาพจิตทั้งครู นักเรียนผู้ก่อเหตุ และเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหาสาเหตุต่างๆ คาดว่าจะมีข้อมูลเบื้องต้นในวันที่ 13 ส.ค.
เมื่อถามว่า เบื้องต้นเกิดมาจากสาเหตุใด นพ.วรตม์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล จึงไม่สามารถบอกได้ว่า สาเหตุเกิดจากอะไร แต่โดยปกติเด็กที่ก่อความรุนแรงที่ผ่านมา มักมีปัญหาการเรียนอยู่เดิม หรือมีปัญหาความรุนแรงอยู่เดิม ซึ่งต้องดูประวัติว่านักเรียนคนดังกล่าวมีปัญหาอะไร เบื้องต้นไม่มีปัญหาการเรียน จึงต้องมาดูว่าอะไรนำมาสู่ความรุนแรงเช่นนี้ ซึ่งไม่เคยพบลักษณะนี้มาก่อน ถึงขั้นทำร้ายร่างกายครู อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเราต้องซักประวัติทั้งเรื่องครอบครัว ความรุนแรงก่อนหน้านี้ว่าเป็นอย่างไร รวมถึงประวัติการรักษาต่างๆ ว่าเคยเข้าสู่กระบวนการรักษาอะไรด้วยหรือไม่
เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตหรือข้อแนะนำผู้ปกครองให้ระวังความรุนแรงของบุตรหลานอย่างไร นพ.วรตม์ กล่าวว่า ความรุนแรงนี้ถือว่ารุนแรงมาก เพราะทำต่อหน้าคนมากมาย ขณะที่สาเหตุเบื้องต้นอาจดูไม่ได้กระตุ้นมากนัก แต่ความรุนแรงลักษณะนี้มักมีสัญญาณมาก่อน ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่โรงเรียน ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการอะไรก่อนหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ เมื่อมีสัญญาณใดก็ตามที่บ่งชี้จะก่อความรุนแรง หรืออาจจะยังไม่รุนแรงมากนัก พ่อแม่ผู้ปกครองต้องสังเกต และให้ความสำคัญ หากสงสัยว่า ลูกจะมีความรุนแรงต้องรีบพาไปประเมินอาการ เพื่อหาทางแก้ไข และช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
เมื่อถามว่า จะมีวิธีเลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้ลูกเกิดความรุนแรง นพ.วรตม์ กล่าวว่า ต้องแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องไม่เป็นแบบอย่างของความรุนแรง หากที่บ้านมีความรุนแรง พ่อแม่ทะเลาะ ตีกัน ลูกเห็นก็อาจเสี่ยงมองว่า เป็นเรื่องปกติ และเลียนแบบพฤติกรรมได้ และต้องไม่ยอมรับความรุนแรงที่มีในบ้าน ไม่ใช่ว่า ไม่เป็นแบบอย่างเท่านั้น แต่ต้องไม่ยอมรับด้วย อย่างลูกก่อความรุนแรงใดๆ เช่น ทำลายข้าวของ ใช้คำหยาบคายมากๆ ต้องให้เขาเรียนรู้ว่า บ้านเราไม่ยอมรับความรุนแรง ซึ่งหากยังจัดการไม่ได้ ก็ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาต้นตอของความรุนแรงนั้นๆ