“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ
ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ
นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค.
ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ 3 เดือน จากนั้นศาลปกครองกลางได้คุ้มครองให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีเหมือนเดิม ก่อนที่จะมีการถอดถอนอีกครั้ง มองว่าน่าจะมีเหตุจูงใจจากหลายสาเหตุ รวมถึงหาว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอมรวมด้วย ซึ่งในวันนี้จะมีนักศึกษาระดับปริญญาเอกขึ้นเบิกความเป็นพยานให้
ส่วนประเด็น ฮุนเซน ถูกมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพิกถอนใบปริญญา เจ้าตัวออกมาบอกภายหลังว่าไม่ให้ความสำคัญและโยนใบปริญญาดังกล่าวลงโถส้วมไปแล้ว ในฐานะที่เป็นอดีตอธิการบดีของมหาวิทยาลัยมีความเห็นอย่างไร นายสืบพงษ์ กล่าวว่า จากมุมมองในฐานะนักวิชาการที่อยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง และเคยเป็นอธิการบดีในช่วงที่ผ่านมา มีความเห็นว่าการถอดถอนปริญญานั้น เป็นเรื่องของสภามหาวิทยาลัยฯ เพราะการมอบปริญญาบัตรดุษฎีกิตติมศักดิ์ให้บุคคลใด ต้องมีที่มาที่ไป มีการพิจารณาประกาศเกียรติคุณผ่านคณะกรรมการฯ ตรวจสอบ ซึ่งโดยทั่วไปจะมาจากการที่บุคคลดังกล่าวทำคุณงามความดีให้สังคม ประเทศชาติ หรือมหาวิทยาลัย ซึ่งกรณีของ ฮุน เซน ก็อาจเป็นเรื่องส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และในเมื่อบุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นตามประกาศเกียรติคุณนั้น ทางมหาวิทยาลัยฯ ก็มีอำนาจที่จะถอดถอนได้
ส่วนกรณี ฮุน เซน ออกมาให้ข่าวว่า ทิ้งปริญญาลงชักโครกไปแล้ว มองว่า เขาก็มีสิทธิที่จะพูดอย่างไรก็ได้ แต่การถอดถอนปริญญาที่เกิดขึ้น น่าจะเกิดจากการที่มีผู้ร้องเรียน ทางสภามหาวิทยาลัยฯ จึงได้หยิบยกประเด็นนี้มาพิจารณา ส่วนจะเป็นการหมิ่นเกียรติมหาวิทยาลัยฯ หรือไม่ ส่วนตัวก็รู้สึกว่าประมาณนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บั่นทอนสภาพจิตใจของประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา ดังนั้นฝั่งกัมพูชาก็ควรจะยุติในพฤติกรรมหรือการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม.-416-สำนักข่าวไทย