คนไทยเครียดทำร้ายนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ซ้ำเติมความเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทย
จากกรณีเกิดเหตุทำร้ายร่างกาย นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 2 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุทำร้ายร่างกายบริเวณย่านราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 7 สิงหาคม 2568 โดยคนไทยเครียดราดทินเนอร์ใส่นั้น
ล่าสุดนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกกิตติมศักดิ์และประธานที่ปรึกษาอาวุโส สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีที่รุนแรงและสะเทือนใจ ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทยโดยตรงแล้ว ยังสะท้อนภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศในสายตานานาชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก
เหตุการณ์ครั้งนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นแน่นอน โดยเฉพาะหากคลิปหรือข่าวแพร่กระจายไปในวงกว้างมากเท่าใด ก็จะยิ่งขยายผลกระทบมากขึ้น แม้จะไม่เกิดขึ้นในช่วงไฮซีซั่นหรือฤดูกาลท่องเที่ยวหลักก็ตาม แต่ก็เป็นบททดสอบสำคัญของหน่วยงานรัฐว่าจะสามารถจัดการสถานการณ์และฟื้นความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้มากแค่ไหน
สิ่งที่ประเทศไทยควรเร่งดำเนินการคือ การพัฒนาโครงสร้างด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้เป็นรูปธรรม พร้อมเดินหน้าสื่อสารให้ชัดเจน ผ่านช่องทางภาษาต่างประเทศในลักษณะทางการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ที่จะอนุญาตให้พลเมืองเดินทางมาเยือนไทยได้โดยไม่ต้องกังวล
“ที่ผ่านมาเราพูดกันซ้ำ ๆ เรื่องมาตรการความปลอดภัย แต่ปัญหาคือการสื่อสารยังไม่แข็งแรงพอ ต้องสื่อสารให้ครอบคลุมเป็นภาษาต่าง ๆ ไปยังสื่อต่างชาติ ทูตานุทูต และแพลตฟอร์มที่ชาวต่างชาติใช้ เช่นเดียวกับการสื่อสารเชิงรุกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือแม้แต่ตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด"
การจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมการสื่อสารของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่เน้นย้ำการประเมินสถานการณ์และหาสาเหตุที่ชัดเจน ถือเป็นการเดินมาถูกทาง แต่สิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องคือ การสื่อสารว่ารัฐไทยเอาจริงแค่ไหนในการจัดการกับอาชญากรรมที่กระทบกับนักท่องเที่ยว
นายศิษฎิวัชร ยังกล่าวต่อถึงปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแตะระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ว่า แม้จะกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาเที่ยวไทยบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง เพราะยังไม่ได้แข็งค่าในระดับที่สูงจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบการคาดหวังคือ นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ซึ่งมาจากภาคเอกชน อาจมีความเข้าใจธุรกิจมากขึ้น และสามารถขับเคลื่อนนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อบรรเทาภาระต้นทุนของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
“ที่ผ่านมาเราเรียกร้องเรื่องนี้ไปหลายรอบแต่ก็ยังไม่มีการตอบสนอง ครั้งนี้หวังว่าจะได้เห็นการขยับที่เป็นรูปธรรม ทั้งในแง่การลดดอกเบี้ยและการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามามากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้”
อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ คือ การหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มสีสันและดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยมาเที่ยวประเทศไทยแล้วและมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ จากปลายทางที่ไม่ซ้ำเดิม
ตอนนี้นักท่องเที่ยวหลายคนหันไปเลือกเวียดนาม เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สดใหม่ และระบบคมนาคมสะดวกกว่าไทยในหลายด้าน เช่นเดียวกับที่คนไทยนิยมไปจีน เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกันได้ดี ซึ่งไทยเองต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวรองให้ไปได้จริง เดินทางสะดวก ปลอดภัย และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ
โดยแนะให้หน่วยงานอย่าง ททท. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันต่อยอดโครงการเส้นทางท่องเที่ยว (Thematic Routes) ที่มีอยู่แล้วให้เชื่อมโยงถึงกันได้จริงในหลายจังหวัด พร้อมสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการเดินทาง เช่น ถนน รถสาธารณะ หรือการเชื่อมต่อระหว่างเมือง เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้นักท่องเที่ยว
ด้านนางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าในนาม รัฐบาลไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย พร้อมดูแลรักษาเยียวยาจนส่งกลับประเทศอย่างเต็มที่
จากวันที่ 7 ที่ผ่านมาทราบว่าเหตุการณ์คนร้ายไร้อาชีพตกงานและขาดอาหาร จนเกิดการคุ้มคลั่ง ได้ก่อเหตุนำไฟไปราดที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียทั้งสองคน เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความเศร้าสลดทั้งต่อคนไทยและมาเลเซีย
ด้วยรัฐบาลไทยไม่นิ่งนอนไทย ทุกภาคส่วนต่างประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมจะดูแลนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียซึ่งถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทย
โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีอาการเบื้องต้นกล่าวคือ อาการ นักท่องเที่ยวชาย Burn 69% ยังไม่รู้สึกตัว/ อาการ ของ นักท่องเที่ยวหญิง Burn 36% รู้สึกตัวสื่อสารได้โดยการเขียนได้ ทั้งนี้อาการโดยรวมคงที่ทั้งคู่ แต่ก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวชายได้รับ บาดเจ็บเยอะกว่า สื่อสารเรื่องเงินเยียวยาไปแล้ว จะไปเช็คประกันกับแอร์เอเชียภายหลัง
ทั้งนี้ญาติอยากรีบพากลับไปรักษาที่มาเลเซีย แต่แพทย์ยังไม่แนะนำให้เดินทาง นักท่องเที่ยวชาย ควรอยู่รพ ต่อประมาณ 1 เดือน/ นักท่องเที่ยวหญิง ควรอยู่โรงพยาบาลต่อประมาณ 2-3 สัปดาห์
ประสานกับทางตำรวจท่องเที่ยว ดูแลรับส่งญาติจนถึงโรงแรมที่พัก และวันอื่นๆมารับด้วยถ้าญาติร้องขอ
การเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียภายใต้มาตรการเยียวยาฯ ของรัฐบาลไทย จะพิจารณาการเยียวยาเบื้องต้นต่อราย
1.ค่ารักษาพยาบาล จ่ายตามจริงตามใบเสร็จ ไม่เกิน 500,000 บาท (หักจากเงินประกันที่นักท่องเที่ยวได้รับ)
2. ค่าเยียวยาจิตใจ 50,000 บาท รวมไม่เกิน 550,000บาท แต่ทั้งนี้รัฐบาลจะดูความเหมาะสมสำหรับเงินช่วยเหลือและการเยียวยาเพิ่มเติมต่อไปต่อไป
สำหรับกรณีอื่นๆ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เพิ่มเติม
นอกจากนี้ที่สำคัญต้องตรวจสาเหตุที่มาของบุคคลที่ก่อการในครั้งนี้ว่ามีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ เพื่อว่าการประเมินสถานการณ์การดูแลนักท่องเที่ยวจะได้ตรงจุดและเข้มงวดกว่านี้