SAWAD วิ่งต่อ 8% นักลงทุนเก็งกำไร Q2 โต! ฟากโบรกชี้ปันผลเด่น-คุณภาพสินทรัพย์ฟื้น
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (6 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ณ เวลา 10:49 น. อยู่ที่ระดับ 22.70 บาท บวก 1.70 บาท หรือ 8.10% สูงสุดที่ระดับ 23.10 บาท ต่ำสุดที่ดับ 21.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 645.91 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น SAWAD จากระดับ Valuation ที่น่าสนใจ โดยประเมินว่า SAWAD มีค่า PBV ปี 2568 ที่ประมาณ 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ระดับ -2SD ส่งผลให้ราคาหุ้นยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่ากลุ่มสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (secured lenders) ซึ่ง SAWAD ยังถือเป็นหุ้น Laggard เมื่อเทียบกับกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ SAWAD ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่อาจได้รับ Sentiment บวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป อีกทั้งยังมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงราว 7% ต่อปี
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ (Asset Quality) คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปี 2569 หลังจากที่บริษัทเร่งทำความสะอาดพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลดลงของผลขาดทุนจากรถยึด ซึ่งได้แรงหนุนจากราคารถมือสองที่ทยอยฟื้นตัว และการปรับกระบวนการปล่อยสินเชื่อให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มปี 2568 ของ SAWAD ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 10-15% ทั้งจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ผ่านสาขาที่มีอยู่กว่า 5,600 แห่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะควบคุม NPL ให้อยู่ในระหว่าง 3-4% และ Credit cost ให้อยู่ระหว่าง 1.8-2.0%
โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ของ SAWAD จะอยู่ที่ 1,054 ล้านบาท ลดลง 16.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และลดลง 4.2% จากไตรมาสก่อนหน้า จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้เป็นหลัก และความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น SAWAD ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ จากกระแสการเก็งกำไรของนักลงทุนที่คาดว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 จะออกมาดี สะท้อนจากบรรยากาศเชิงบวกในกลุ่มหุ้นสินเชื่อรายย่อย หลังบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ออกมาแข็งแกร่งกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ โดยพอร์ตสินเชื่อรวมแตะระดับ 174,807 ล้านบาท เติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 7,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% และมีกำไรสุทธิ 1,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% โดยยังสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.62%