‘จุลพันธ์’ ย้ำ รัฐบาลไม่ถึงทางตัน ไร้แนวคิดยุบสภา ลุ้นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นบวก
"จุลพันธ์" ย้ำ รัฐบาลไม่ถึงทางตัน ไร้แนวคิดยุบสภา ไม่อยากให้สังคมจินตนาการไปไกล ลุ้นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นบวก
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสวนา Special Talk หัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย: โจทย์ใหญ่รัฐบาล?” ว่า สถานการณ์ทางการเมืองภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มติ 7 ต่อ 2 เสียงคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบติหน้าที่
รัฐบาลไม่ถึงทางตัน
โดยยืนยันว่าสถานการณ์นี้ยังไม่ใช่ทางตัน ยังมีกลไกทางออก อาจมีการสะดุดติดขัดการขับเคลื่อนของรัฐบาลบ้าง แต่หลังจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว ถือว่าจบกระบวนการการมีครม.ครบถ้วน ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รักษาการนายกฯ มีอำนาจเต็มทำภารกิจแทนนายกฯได้
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่ได้มาถึงจุดเสี่ยง แม้ในอีก 2 เดือนข้างหน้าหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา หากเป็นเชิงบวก น.ส.แพทองธาร ก็จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีเวลาเหลืออีก 2 ปีในการทำงาน แต่หากคำวินิจฉัยออกมาในทางลบ เช่น นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง กลไกก็จะย้อนกลับไปที่สภาฯ ในกรณีที่ต้องหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคนั้นๆ จะต้องมี สส. เกิน 25 คน เพื่อมาเป็นนายกคนต่อไป โดยพรรคเพื่อไทย (พท.) มีนายชัยเกษม นิติสิริ ขณะที่พรรคอื่นๆ ก็มี
กลไกตรงนี้จะเดินหน้าไปตามระบอบ จึงไม่อยากให้สังคมจินตนาการไปไกล เพราะในข้อเท็จจริง ไม่มีเหตุการณ์ใดที่ทำให้ประเทศเดินต่อไม่ได้ กลไกรัฐธรรมนูญยังทำงาน แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยก็ต้องเสนอรายชื่อแคนดิเดตเข้าไป ในฐานะเสียงข้างมาก และโดยสภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ก็เชื่อว่าหากมีกระบวนการตรงนี้เกิดขึ้น จะไม่มีปัญหาแน่นอน สุดท้ายทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไปได้
ไร้สัญญาณยุบสภา
ส่วนกรณีข้อเสนอของพรรคประชาชนนั้น ไม่ใช่องค์ประกอบของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องใช้เสียงจากพรรคประชาชนเข้ามาสนับสนุน แต่ในอีก 2-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภูมิทัศน์ทางการเมืองอาจจะเปลี่ยนไป อาจจะต้องใช้เสียงของพรรคประชาชนเข้ามาสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. แต่ละคน โดยเฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรี ถึงเวลานั้น พรรคเพื่อไทยคงไปบังคับ หรือกะเกณฑ์คนอื่นไม่ได้
แต่ในมิติการเมืองที่แท้จริงแล้ว หากเดินหน้าที่จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่ง เพียงเพื่อมาโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว แล้วกลไกขับเคลื่อนอื่น ๆ จะเดินหน้ากันอย่างไร จะบอกว่าเข้ามาเป็นรัฐบาลเพียงเพื่อแก้ไขมติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วมิติของสภาฯ จะเป็นอย่างไร การแก้ไขปัญหาของประชาชน หรือการออกนโยบายต่าง ๆ ทั้งหมดจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้เลย
“ผมไม่ได้มองเรื่องข้อเสนอของพรรคประชาชนเป็นผลบวก หรือเป็นทางออก ส่วนถามว่าจะมีการยุบสภาก่อนหรือไม่ โดยสภาพแล้วยังไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ที่นำไปสู่จุดนั้น ขณะนี้รัฐบาลยังขับเคลื่อนได้อยู่ การแก้ไขปัญหาของประชาชน ยังเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราปล่อยมือจากพวงมาลัย การขับเคลื่อนจะทำได้หรือ ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อแก้ไข และขับเคลื่อน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คปท. ประกาศ 9 ก.ค. รวมตัวเคลื่อนขบวนบุกหน้าสภาฯ คัดค้านนิรโทษกรรมสุดซอย-กาสิโน
- ‘ไอซ์ รักชนก’ โต้ข่าวคุย ‘อนุทิน’ ดีลตั้งรัฐบาล บอกแค่คิดก็ตลกแล้ว
- ‘จักรภพ เพ็ญแข’ เตรียมคัมแบค นั่งจ้อเก้าอี้โฆษกรัฐบาล แทน ‘จิรายุ’
ติดตามเราได้ที่