กต.เมินเขมรร้องยูเอ็น เดินหน้าทวิภาคี ย้ำต้องยึดเอ็มโอยู43 ถกแก้ชายแดนผ่าน 'เจบีซี'
กต.เมินเขมรร้องยูเอ็น เดินหน้าทวิภาคี ย้ำต้องยึดเอ็มโอยู43 ถกแก้ชายแดนผ่าน ‘เจบีซี’
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงข้อมูล ข้อคิดเห็น และท่าทีเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังผู้แทนถาวรกัมพูชา ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ (UNSG) เกี่ยวกับการที่กัมพูชาจะฟ้องร้องเกี่ยวกับประเด็นพื้นที่พิพาทระหว่างไทย และกัมพูชา ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประทศ (ICJ) หรือศาลโลก
รัฐบาลไทยยึดมั่นในการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาอย่างสันติวิธี ตามพันธกรณีทั้ง 2 ฝ่ายได้มีต่อกัน ตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 มาโดยตลอด ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องเจรจาหารือกันในกรอบทวิภาคี โดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) เป็นไปตามแนวทางสอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติทุกประการ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ภาคีของความตกลงที่เป็นสนธิสัญญา จะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ลงนามไว้
“โดยบันทึกความเข้าใจ ไทย-กัมพูชา ระบุให้แก้ไขปัญหาโดยการเจรจาหารือโดย JBC ไม่ได้มีส่วนใดระบุว่าให้ใช้กลไกอื่น รวมทั้ง ศาลโลก ไทยได้ยึดมั่นพันธกรณีของความตกลงไทย-กัมพูชาอย่างเคร่งครัด ดังนั้น ไทยจึงไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดพันธกรณีที่มีไว้ต่อกันไว้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยไม่ได้ไปใช้กลไกอื่นนอกเหนือจากเคยตกลงกันไว้” กต.ระบุ
กต.ระบุอีกว่า ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ไทยได้ใช้แนวทางการเจรจาทวิภาคีโดยกลไก JBC หรือกลไกเทียบเคียงได้กับ JBC เช่นเดียวกัน ล้วนแต่มีความคืบหน้าน่าพึงพอใจ การเจรจาเขตแดนทางบกระหว่างกับมาเลเซีย และ สปป.ลาว สำเร็จไปแล้วกว่า 90% เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการเจรจาทวิภาคี และกลไกดังกล่าว นำมาใช้ให้เห็นผลได้ หากตั้งใจจริง และจริงใจในการดำเนินการ โดยไม่ต้องพึ่งกลไกภายนอก เช่น ICJ และนอกจากไทยแล้ว วิธีการเจรจาทวิภาคีนี้เป็นวิธีการเดียวกับที่ประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ของกัมพูชา ใช้ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาเช่นกัน
กต.ระบุว่า ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีที่ให้ไว้ เป็นการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาอันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอย่างเคร่งครัด ด้วยการเคารพ และปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ กล่าวคือการเจรจาทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดตลอดแนวโดยใช้กลไก JBC รวมถึง พื้นที่ขัดแย้ง 4 จุด ที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยินยอมนำเข้าหารือการเจรจาในกรอบดังกล่าวด้วย ถือได้ว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงตามบันทึกความเข้าใจปี 2543 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าต้องทำการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดน (demarcation) ทั้งหมดร่วมกัน ภายใต้กลไก JBC โดยไม่เอาเรื่องปัญหาเขตแดนไปสู่กลไกอื่นที่ไม่ได้ตกลงกันไว้
กต.ระบุต่อว่า ไทยเฝ้ารอกัมพูชามีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC มานานกว่า 12 ปี ได้เรียกร้องให้ประชุมอยู่เสมอ ก่อนที่ JBC ครั้งล่าสุดจะมีขึ้น เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา ไทยจึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่ถูกต้องว่าไทยเป็นฝ่ายทำให้กระบวนการ JBC ต้องหยุดชะงัก เพราะไทยเองไม่เคยถอนตัวจากกระบวนการดังกล่าว แต่เรียกร้องมาโดยตลอด ดังนั้น ไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชาเคารพพันธกรณีที่มีระหว่างกัน จะเจรจาหารือกันโดยสันติวิธี ก่อนพึ่งพากลไกอื่นอยู่นอกเหนือไปจากวิธีการได้ตกลงกัน เพื่อยุติปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนวตลอดไป ป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซากในอนาคต กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ฝั่ง
“ไทยยึดสันติวิธี และกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต บริสุทธิ์ใจ มุ่งมั่นแน่วแน่สร้างพื้นที่ตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา กับประเทศเพื่อนบ้าน ให้กลายเป็นพื้นที่พรมแดนสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ชีวิตมั่นคง เจริญก้าวหน้าของพี่น้องประชาชนอยู่ตามแนวชายแดนทั้ง 2 ฟากฝั่ง” กต.ระบุ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กต.เมินเขมรร้องยูเอ็น เดินหน้าทวิภาคี ย้ำต้องยึดเอ็มโอยู43 ถกแก้ชายแดนผ่าน ‘เจบีซี’
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th