สัมผัสช่วงเวลาแสนอบอุ่นไปด้วยกันกับ MAKOTO & ROBIN

สัมผัสช่วงเวลาแสนอบอุ่นไปด้วยกันกับ MAKOTO & ROBIN พร้อมบทสัมภาษณ์สุดพิเศษ

จบลงด้วยความประทับใจกับงาน MAKOTO&ROBIN Fan Meeting in Bangkok - Love is better the second time around จัดโดย Now To Nice Entertainment เมื่อวันที่ 10-11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศภายในงานนั้นอบอวลไปด้วยความรักและความน่ารักของ “โรบิน ฟุรุยะ” (Robin Furuya) และ “มาโกโตะ ฮาเซกาวะ” (Makoto Hasegawa) สองนักแสดงนำจากซีรีส์อบอุ่นหัวใจ Love is Better the Second Time Around (恋をするなら二度目が上等) ที่ลอยฟุ้งอยู่เต็มพื้นที่ พร้อมมอบช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นให้กับแฟน ๆ ทุกคนที่มาร่วมงาน

โดยหลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับแฟน ๆ อย่างเต็มอิ่มผ่านงาน Fansign สุดอบอุ่นในวันที่ 10 พฤษภาคม “พี่โรบิน” และ “น้องมาโกะ” ยังคงจัดเต็มความสุขอย่างต่อเนื่องร่วมกับแฟน ๆ ในงาน Fan Meeting ในวันที่ 11 พฤษภาคม จัดเต็มโมเม้นต์ชวนเขิน ชวนฮ้อบ ที่แฟนคลับร่วมเป็นสักขีพยานความรักตลอดทั้งงาน

ตั้งแต่ช่วงพูดคุย ตอบคำถาม กิจกรรมวาดกระเป๋าผ้าและถ่ายรูปโพลารอยด์ให้กันและกัน เพื่อมอบให้แฟนคลับผู้โชคดีเป็นของชำร่วยที่มางาน ก่อนจะเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยการสวมชุดราชปะแตนสุดเป๊ะทำขนมไทยอย่างลูกชุบ ก่อนปิดท้ายด้วยกิจกรรม Hi-bye และ Photo Group ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ จากแฟน ๆ จนทำให้แฮชแท็กงานอย่าง #Makoto_RobinFMinBKK ติดเทรนด์ X ประเทศไทย พร้อมแฮชแท็กน่ารัก ๆ ให้แฟน ๆ ได้เข้าไปชื่นชมความน่ารักของทั้งสองหนุ่มอย่าง #น้องมาโกะดื้อมาก #โรบิมาโกะดื้อมาก

แน่นอนว่า DACO THAI และ NIPPON HAKU BANGKOK ก็ไม่พลาดโอกาสในการเป็นสักขีพยานในงานแสนอบอุ่นครั้งนี้ พร้อมทั้งชวนสองหนุ่มมาพูดคุยถึงซีรีส์ รวมทั้งชีวิตส่วนตัวเพิ่มเติมกันอีกด้วย

－ ทั้ง มาโกโตะ และ โรบิน ต่างก็มีแฟน ๆ ชาวไทยคอยติดตามและให้การสนับสนุน และในที่สุดก็ได้จัดแฟนมีตติ้งครั้งแรกในประเทศไทยแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง
MAKOTO: อืมมม ตอนพวกผมอยู่ที่ญี่ปุ่นก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันแรงกล้าของแฟน ๆ ชาวไทยครับ เช่นตอนที่ผมโพสต์อะไรสักอย่างลงโซเชียล อย่างพวกรูปคู่อะไรแบบนี้ ก็จะมีคอมเมนต์จากแฟน ๆ ชาวไทยเยอะมาก พอได้เห็นแบบนั้นแล้ว เลยอยากรีบมาเมืองไทยเร็ว ๆ พวกเราพูดเรื่องนี้กันมาตลอดเลยครับ อยากมาไทยให้ได้สักครั้ง แล้วครั้งนี้ พอรู้ว่าได้มีโอกาสที่จะจัดแฟนมีตติ้งที่ไทยก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ครับ

“มาโกโตะ ฮาเซกาวะ” (Makoto Hasegawa)

“โรบิน ฟุรุยะ” (Robin Furuya)

－ ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสมาเที่ยวประเทศไทยบ้างไหม พอมาถึงประเทศไทยแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
ROBIN: การได้มาประเทศไทยครั้งนี้สนุกมาก ๆ เลยครับ ก่อนหน้านี้ ผมเคยมีโอกาสมาประเทศไทยแค่ครั้งเดียวครับ ตอนนั้นมากับเพื่อน ๆ ระยะเวลาสั้น ๆ เลยยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศไทยสักเท่าไรครับ ส่วนมาโกะจังน่าจะได้มาไทยบ่อยกว่า ได้ยินมาว่าอย่างนั้นนะครับ
MAKOTO: ใช่ครับ ผมมาในฐานะสมาชิก THE RAMPAGE ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางมาเพื่อทำการแสดง และจัดแฟนมีตติ้งกับสมาชิกในวงหลายครั้งเลยครับ
ROBIN: ที่กรุงเทพฯ เหรอ
MAKOTO: ที่กรุงเทพฯ มั้ยนะ ใช่ครับ ที่กรุงเทพฯ ครับ

－ แต่ละคนรู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก ช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตอนที่เจอกันครั้งแรกให้ฟังหน่อยได้ไหม
ROBIN: คิดถึงจังเลยน้าาา ยังจำตอนที่เจอกันครั้งแรกได้ไม่ลืมเลยครับ
MAKOTO: คิดถึงจังเลยนะ
ROBIN: จะว่ายังไงดีล่ะ มาโกโตะดูเป็นชายหนุ่มเรียบร้อย สุภาพ นิสัยดี สดใสมาก รู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่ดี เป็นเด็กผู้ชายที่ดีมาก ๆ เลยครับ

－ มีแง่คิดดี ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์อะไรบ้างที่ได้รับจากการแสดงซีรีส์เรื่องนี้ และอยากจะแนะนำต่อกับแฟน ๆ
MAKOTO: เรื่องราวของผู้ชายที่รักผู้ชาย… เป็นผลงาน BL ที่สำหรับผมแล้วครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ได้รับเล่นบทประมาณนี้ครับ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนได้สัมผัสความรู้สึกใหม่ ๆ อีกครั้ง พอได้เล่นบทนี้จริง ๆ ผมก็ยิ่งมั่นใจว่า ถ้าเราไม่มีความรู้สึกต่ออีกฝ่าย ก็คงแสดงออกมาไม่ได้จริง ๆ ผมเลยเริ่มจากความรู้สึกชอบในตัวตนของคุณโรบินตัวจริงก่อน เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก จนผมรู้สึกชอบเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ความรู้สึกตรงนั้นแหละที่มันสะท้อนออกมาผ่านตัวละคร ในบท ผมสามารถรักเขาได้อย่างจริงใจ มีบางช่วงที่หัวใจเต้นแรง บางช่วงที่เศร้าจับใจ ตลอดช่วงเวลาที่ถ่ายทำ ผมได้สัมผัสอารมณ์มากมายผ่านบทที่ได้รับ ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากจริง ๆ ครับ

－ ฉากที่รู้สึกประทับใจและจดจำได้ดีจนถึงตอนนี้คือฉากไหน ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อย
ROBIN: ตอบก่อนได้เลย แต่คิดว่าน่าจะตอบเหมือนกันนะ ฉากแม่น้ำใช่ไหม
MAKOTO: ใช่ ๆ ฉากเดียวกันครับ
ROBIN: เป็นฉากระหว่างที่เดินริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทาคาชิกับมิยาตะได้เปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อกันและกัน บทพูดที่โต้ตอบกันในฉากนั้น จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ผมว่ามันน่ารักมากเลยครับ และก่อนจะถ่ายทำฉากนี้ พวกเราได้มีการซ้อมพูดบทด้วยกันครับ ซึ่งตอนที่ซ้อมพูดบทนั้น พวกเราก็มองหน้ากันและคุยกันว่าจะลองใส่ความรู้สึกลงไปด้วย เพื่อที่จะทำให้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกในทุก ๆ คำพูดออกมาได้ แม้จะถ่ายจบไปแล้วก็ยังคงจำบทได้ขึ้นใจจนถึงตอนนี้เลยครับ รวมไปถึงยังได้รับคำแนะนำจากผู้กำกับและทีมงานอีกหลาย ๆ คนเลยทำให้แสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจเลยครับ

－ คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของอีกฝ่ายที่คนอื่นอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน
ROBIN: เสน่ห์ของมาโกะจังมีเยอะเลยครับ คำถามนี้ทำให้อยากดื่มไปตอบไปเลยครับ จุดที่มีเสน่ห์ของมาโกะจัง คือ ความแตกต่างระหว่างตอนที่เป็นนักแสดงกับตอนที่เป็นศิลปินครับ ผมรู้สึกว่าสองบทบาทนี้เป็นเสน่ห์ของเขามาก ๆ เลยครับ รู้สึกว่าเขาทำงานได้หลากหลายมาก ๆ ตอนเป็นนักแสดง… จะว่ายังไงดีล่ะ เขาให้ความรู้สึกแบบบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา แต่พอแสดงออกมาก็กลายเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง รู้สึกว่าเท่มาก ๆ เลยครับ ส่วนมาโกะจังในมุมมองส่วนตัวของผม เสน่ห์ของ "มาโกโตะ ฮาเซกาวะ" ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งนั้น สิ่งที่ผมรู้สึกว่าโดดเด่นที่สุด คือ ความน่ารักที่เป็นธรรมชาติของเขาครับ
MAKOTO: สำหรับผมแล้ว ใบหน้าของเขาเป็นใบหน้าที่มีออร่ามากครับ หล่อด้วยครับ หล่อจริงๆ นะครับ แต่เขาไม่ใช่แค่หล่อนะครับ ที่น่าประทับใจกว่าคือความเป็นคนดีที่ถ่ายทอดออกมาจากภายใน เป็นคนแบบนั้นเลยครับ ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือเป็นคนที่ไม่ได้มีดีแค่ภายนอกครับ เป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงและแน่วแน่อย่างแท้จริงจากข้างใน ซึ่งจะหาคนแบบนี้เจอไม่ได้ง่าย ๆ เลย เป็นคนที่หล่อทั้งภายในและภายนอกครับ อย่างตอนที่ถ่ายซีรีส์หรือแม้กระทั่งตอนนี้ เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างตลอด ตัวผมเองก็ได้รับสิ่งเหล่านั้น เป็นคนที่อ่อนโยนมาก ๆ เลยครับ อย่างเมื่อกี้ก็ช่วยถือไมค์มาให้ผมตลอดเลย เขาเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ผมรู้สึกใจเต้นกับความเอาใจใส่แบบนั้นเสมอ ในฐานะผู้ชายด้วยกัน ผมยังอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลยครับ สุดหล่อทาโร่ครับ

－ คิดว่าการกอด ไม่ว่าจะกอดตัวเองหรือกอดคนรอบตัวนั้นสำคัญอย่างไรบ้าง ถ้าให้กอดตัวเองดู อยากจะบอกอะไรกับตัวเองไหม
ROBIN: หมายถึงกอดกับมาโกะโตะเหรอครับ สำหรับผมแล้วคิดว่าการกอดนั้นขึ้นอยู่กับคนที่เรากอด และขึ้นอยู่กับสถานการณ์นะครับ แต่ถ้ากอดตัวเองแล้วก็คงจะบอกว่า “พยายามเข้านะ” แบบนี้รึเปล่านะ (ฮ่าฮ่าฮ่า) “นายน่ะ พยายามเข้านะ” อารมณ์ประมาณว่าพยายามวิ่งไปให้สุด วิ่งให้เต็มที่นะ ผมเองไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น สิ่งที่ตัวเองมั่นใจว่าทำไม่ได้ก็มีอยู่เยอะ แต่ถ้าจะให้ยอมแพ้ก็ขอเลือกพยายามวิ่งไปให้สุดดีกว่า ถ้าเป็นโรบินในตอนนี้ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ผมรู้สึกแบบนั้นนะครับ อยากพยายามมากขึ้นไปอีกครับ
MAKOTO: ผมคงพูดกับตัวเองว่า “ขอบคุณนะ” ครับ
ROBIN: ว้าว ดีมากเลย ดีจังเลยนะ
MAKOTO: เป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่ตลอดเลยครับ แม้แต่ก่อนนอนก็ด้วยครับ ประมาณว่าสิ่งที่พยายามมาทั้งวันนั้น กอดตัวเอง ตบไหล่ตัวเอง แล้วบอกตัวเองว่า “ขอบคุณนะ”
ROBIN: สุดยอดเลย!
MAKOTO: ตอนที่รู้สึกเหนื่อย ๆ ด้วยครับ
ROBIN: จริงเหรอ ถ้าตอนที่ผมเหนื่อยคงไม่ได้ทำแบบนั้น อิจฉาเลยล่ะ
MAKOTO: การที่พูดกับตัวเองด้วยคำพูดในในเชิงบวก ถึงตัวเองจะไม่เข้าใจ ในตอนที่รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ มันก็อธิบายยากเหมือนกันครับ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะลองคุยกับตัวเองว่า "ไหวมั้ย" เป็นแบบนั้นอัตโนมัติเลยครับ
ROBIN: สุดยอดมาก

－ สุดท้ายนี้ ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยหน่อย
ROBIN: สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามซีรีส์เรื่อง Love is better the second time around และมอบความรักให้กับพวกเรา ขอบคุณมาก ๆ ๆ เลยครับ

และพวกเราเองก็ต้องขอบคุณพี่โรบินและน้องมาโกะ สำหรับรอยยิ้ม ความสุข และความทรงจำในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน จนกว่าจะได้พบกันใหม่ เพราะการได้พบกันอีกครั้งย่อมดีกว่าการพบกันในครั้งแรกอย่างแน่นอน!

https://youtu.be/PoD2oJdQtwQ?si=6K_bu5h0j03NSuht

อ่าน "PSYCHIC FEVER คัมแบ็กสุดปังบูสต์ความสดชื่นผ่าน EP ใหม่ ‘PSYCHIC FILE III’" คลิก