วิกฤตขยะพิษคุกคาม 5 จังหวัด กมธ.วุฒิสภา จ่อชงแก้กฎหมาย ปิดช่องโหว่ก่อนเป็นแดนขยะโลก
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “ปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม ขยะพลาสติก และการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมายกลายเป็นอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จ.นนทบุรี โดยมีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายกิตติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 1 , นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 3 , นายโชคชัย กิตติธเนศวร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 4 , นายจำลอง อนันตสุข เลขานุการคณะกรรมาธิการสมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภาและคณะที่ปรึกษาเข้าร่วมในงานสัมมนาครั้งนี้
พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ปัจจุบันการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม ขยะพลาสติก และการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมายทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกรณีศึกษาที่คณะกรรมาธิการฯ ตรวจพบ เช่น การพบกากของเสียอุตสาหกรรมในพื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงการปนเปื้อนสารเคมีและโลหะหนักในแหล่งน้ำบาดาลถึง 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์, จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, จังหวัดราชบุรี และจังหวัดระยอง
นอกจากนี้ ยังมีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่ออนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด รวมถึงกฎหมายภายในประเทศและประกาศกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.เกรียงไกร ชี้ว่า ปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างของกฎหมาย การบังคับใช้ที่ยังไม่เข้มงวด และการขาดมาตรการ รวมถึงเครื่องมือที่เหมาะสมในการจัดการ การสัมมนาครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีสำคัญในการระดมความคิดเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา วิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การเสนอแนวทางแก้ไขทั้งในมิติของกฎหมาย นโยบาย และการยกระดับการจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ระบุว่า คณะกรรมาธิการสันนิษฐานว่าสาเหตุหลักของปัญหานี้มาจากการขาดมาตรการกำกับดูแลที่เหมาะสม, กฎหมายที่ยังไม่เข้มแข็งพอที่จะควบคุมการจัดการกากของเสีย ขยะพลาสติก และการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงช่องโหว่ในระบบการตรวจสอบ, การดูแลรักษาของกลางในคดีที่ไม่มีประสิทธิภาพ, รายงานการติดตามการเคลื่อนย้ายและกำจัดของเสียที่ขาดประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังพบว่าการลักลอบทิ้งของเสียยังได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมผิดกฎหมายในระดับองค์กรหรือเครือข่ายจากต่างประเทศ จึงหวังว่าการเสวนาในครั้งนี้จะได้มาตรการเร่งด่วนและมาตรการระยะยาว เช่น การปรับปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยและครอบคลุม, ส่งเสริมเทคโนโลยีการจัดการขยะอันตราย
"ข้อเสนอแนะทั้งหมดจากการสัมมนาในครั้งนี้ จะถูกรวบรวมและนำเสนอต่อรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง" นายชีวะภาพ กล่าว.