แม่ทัพภาค 2 เผยพบระเบิดช่องบกใหม่อีก 8 ลูก
ความคืบหน้าเหตุการณ์กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
ล่าสุด วันนี้ (19 ก.ค.2568) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2 ) พร้อมด้วย พ.อ.สมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิด ด้านมนุษยธรรมที่ 3 เปิดเผยผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ผลการตรวจพิสูจน์พบทุ่นระเบิดใหม่อีก 8 ลูก
- อนุสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ สะสม ผลิต ถ่ายโอน "ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล"
- ทภ.2 ส่งพิสูจน์ "ทุ่นระเบิด" ช่องบก ยังไม่ยืนยันของใหม่หรือไม่
- ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณเนิน 481 เจ็บ 3 มทภ.2 ชี้เป็นของเก่าตกค้าง
พ.อ.สมโชค ระบุว่า จุดแรกที่พบทุ่นระเบิดจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางบนผิวดินรัศมีการวางห่างกัน 40 ซม.มีใบไม้ปกปิด จุดที่ 2 พบทุ่นระเบิดจำนวน 5 ทุ่น การวางเหมือนแบบแรกแต่รัศมีการวางกระจายออกไป ห่างประมาณ 90 ซม.
จากการกู้กับระเบิดทั้ง 8 ลูก มีตัวอักษรชัดเจน ประกอบการวางสามารถบ่งชี้ได้ว่า เป็นของใหม่หากเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม หากขุดนำขึ้นมาดูแล้วจะเห็นได้ว่า ทุ่นระเบิดเก่ากับใหม่จะแตกต่างกันชัดเจน จึงสรุปว่า เป็นการวางใหม่
พล.ท.บุญสิน ระบุว่า สรุปเป็นทุ่นระเบิดใหม่ สำหรับจุดที่วางเลยแนวการวางกำลังทหารกัมพูชาประมาณ 100 - 150 ม.ทั้งแนว หลังจากนี้ กองกำลังสุรนารีจะเก็บกู้ทั้งหมด และคาดว่า ยังมีหลงเหลืออยู่อีกเป็นหลักร้อย เป็นชนิดเดียวตามที่ปรากฎเป็นข่าว หลังจากนี้ต้องรายงานตามลำดับขั้น เพื่อเสนอองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรื่องอนุสัญญาออตตาวา ยืนยันว่า คู่กรณีเป็นคนวางชัดเจน
กรณีกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตว่า กับระเบิดถูกวางในพื้นที่ของประเทศไทยอาจเป็นไทยที่เป็นคนวางหรือไม่นั้น ในความเป็นจริงโดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมเป็นไปไม่ได้ การวางกับระเบิดหน้าแนว ผู้ที่วางจะต้องผ่านทหารฝ่ายเดียวกัน ก็คือ ทหารไทย และต้องได้รับการอนุมัติ ผู้บังคับหน่วยทหารของฝ่ายไทยเท่านั้นที่จะไปหน้าแนวได้ ดังนั้นต้องวางมาจากด้านฝั่งตรงข้าม
พล.ท.บุญสิน ย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องอพยพประชาชน แต่จะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดตามแนวชายแดนให้หมด และทำถนนให้ครอบคลุม พร้อมกำชับให้ทหารช่างระมัดระวังมากขึ้นและไม่คาดคิดว่า เขาจะทำผิดอนุสัญญาออตตาวาที่มีต่อกัน เดิมเราต้องระมัดระวังระเบิดเก่าอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เสื่อมสภาพหมดแล้ว ส่วนการล้อมพื้นที่มีปัญหา ต้องเห็นชอบทั้ง 2 ประเทศ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคุยกัน หากสร้างรั้วทำได้ แต่ต้องใช้กำลังหากอีกฝ่ายไม่เห็นด้วย
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังระบุว่า อยากฝากถึงประชาชนคนไทยทุกคน ขณะนี้กองทัพไทย โดยกองทัพภาคที่ 2 และรัฐบาล โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พยายามบริหารประเทศชาติบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ตลอดแนวชายแดนจะพยายามทำให้คลี่คลายโดยเร็วขอให้ประชาชนอดทน สถานการณ์ตามแนวชายแดน หลังจากที่มีการปรับกำลัง ก็ไม่มีการรุกล้ำอธิปไตย แม้มีเหตุเหยียบกับระเบิด ก็กำลังแก้ไขปัญหาให้ชัดเจนต่อไป
กองทัพบกยืนยันปกป้องอธิปไตยด้วยความรอบคอบ
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันกรณีผลตรวจทุ่นระเบิด ตามการแถลงของแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา แม้ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ เพื่อประท้วงผ่าน UN และเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้การมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม
พร้อมเปิดเผยว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับทราบเรื่องแล้ว และย้ำว่า กรณีทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่ ข้อมูลนี้ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ
กองทัพบก ยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน
อ่านข่าว : 20 ก.ค.นี้ ศบ.ทก.หารือ กต.ฟ้องยูเอ็น เหตุ "กัมพูชา" ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
ทภ.2 พบ 80% หลักฐานชี้กับระเบิดวางใหม่ เรียกร้อง "กัมพูชา" พิสูจน์