เพื่อไทย-กล้าธรรม-โอกาสใหม่ ขั้วใหม่ในเกมการเมือง ‘ทักษิณ’
คอลัมน์ : Politics policy people forum
แม้ว่าชะตากรรมรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่รู้ออกหัวหรือก้อย
เพราะมีคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา และสั่งให้นายกฯแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำได้แค่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ทำหน้าที่ “รักษาราชการแทน” นายกฯชั่วคราว
ทว่าคนในวงเดิมพันการเมือง ดักทางล่วงหน้าแล้วว่าโอกาสรอดคดีมีเปอร์เซ็นต์น้อย เว้นแต่มี “สัญญาณพิเศษ”
สูตรทางออกการเมือง จึงมี 3 ทาง ตามที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ท.ร.บอก
ทางหนึ่ง “แพทองธาร” รอด บริหารประเทศต่อได้ยาว
ทางสอง “แพทองธาร” ถูกถอดถอน มี “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯอีกคนของพรรคเพื่อไทย เข้ามาทำหน้าที่นายกฯ
ทางสาม “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่
“การเมืองไม่มีทางตัน” ทักษิณกล่าว
รัฐบาลเสียงในสภาสั่นคลอน
แต่เมื่อหันไปดูจำนวนเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้มี 493 เสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลอย่างเป็นทางการ 254 เสียง แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง (แบ่งเป็น 2 ก๊ก ฝ่ายละ 18 เสียง) พรรคกล้าธรรม 25 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง และพรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง
เมื่อรวมกับเสียงงูเห่าขาประจำที่โหวตให้ฝ่ายรัฐบาล “ทุกครั้ง” จากพรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง และพรรคประชาชน 1 เสียง ทำให้ฝ่ายรัฐบาลมีเบ็ดเสร็จ 259 เสียง
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านมี 234 เสียง หักงูเห่าขาประจำออกไป 5 เสียง แบ่งเป็นพรรคประชาชน 143 เสียง พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง
เมื่อเสียงในสภามี 493 เสียง เสียงกึ่งหนึ่งจึงเท่ากับ 247 เสียง ทว่า พรรคฝ่ายรัฐบาลมีเสียงห่างจากเสียงกึ่งหนึ่งแค่ 12 เสียงเท่านั้น ในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทุกพรรคร่วมรัฐบาลจึงได้รับการกำชับว่า ห้ามโดดสภา คนที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องมาเฝ้าสภา จึงเห็นการโหวตกฎหมายสำคัญ ๆ ของฝ่ายรัฐบาล ผู้ทำหน้าที่วิปรัฐบาล ต้องใช้ทุกสรรพกำลังระดม สส.โหวตกฎหมาย เช่น การถอนกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์
คอมเพล็กซ์ ออกจากวาระการพิจารณา
ย่อมสะท้อนว่า “กำลังมือ” ในสภาของขั้วรัฐบาลอ่อนไหวเต็มที
รุ่นเก่าซบคู่แข่ง-คู่แค้นไม่คืนดี
ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม สแตนด์บายเตรียมพร้อม พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร 32 คน เกินครึ่งเป็นอดีต สส.หรืออดีตผู้สมัคร พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งรอบก่อนที่สอบตก แต่ไม่ได้รับการดูแล-ถูกตัดขาดจากพรรค จึงขยับมาฝั่งพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนพรรคคู่แค้นภูมิใจไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เคยเป็นพรรคอันดับสองในรัฐบาลเพื่อไทย ก็ประกาศปิดประตูตายไม่คืนดี
“มันไม่มีคำว่าง้ออยู่แล้ว ออกมากันขนาดนี้ เราไม่ได้ออกมาเพื่อให้งอน หรือมาง้ออะไรกัน แต่แนวทางที่ออกมา เพราะคิดว่าแนวทางที่ทำร่วมกันมันไปกันไม่ได้แล้ว”
กล้าธรรมดูด สส.
ดังนั้น สมการการเมืองในชอตหลังจากนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะต้องถูก “ลดไซซ์” จากโหวตเตอร์ จึงต้องมีเครือข่ายการเมืองใหม่มาผสม เพื่อลดต้นทุนการเมืองของพรรคเพื่อไทย
หนึ่งคือ พรรคกล้าธรรม ที่มีประธานที่ปรึกษาชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประกาศเตรียมความพร้อมเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องได้ 70 เสียง
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ได้ สส. 70 เสียงว่า ขณะนี้พรรคเราได้รับมอบหมายให้กำกับ 2 กระทรวงใหญ่ คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น เราจะเน้นเรื่องของคนฐานราก โดยเฉพาะเรื่องการศึกษากับเรื่องของพี่น้องเกษตรกร รวมถึงผู้ใช้แรงงานภาคการเกษตร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้งหมดกว่า 50 ล้านคน โดยพรรคกล้าธรรมจะชูวิธีการให้คนเหล่านี้พ้นกับดักความยากจน
“เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคกล้าธรรมจะมากกว่า 70 ชีวิต สิ่งสำคัญที่สุด ผู้แทนฯแต่ละจังหวัดของพรรคกล้าธรรมมีความพร้อมทุกเรื่อง นโยบายดี ๆ ที่กำลังจะวางยุทธศาสตร์”
ว่ากันว่า นักเลือกตั้งค่ายเพื่อไทยไม่น้อย เริ่มที่จะหาช่องทางการเมือง ย้ายไป “กล้าธรรม” เพราะในความใจถึง-พึ่งได้ ไม่ทิ้งลูกน้องของผู้กองธรรมนัส
แถมทรัพยากรก็ยังมีไม่เบา อย่างน้อยก็มี สส.ในสภาปัจจุบันเล็งเป้าไปที่กล้าธรรม
จตุพรแห่งโอกาสใหม่
อีกพรรคที่เป็น “โอกาส” ของ สส.ทั้งปัจจุบัน และ สส.สอบตก คือ “พรรคโอกาสใหม่” ที่คนการเมืองทุกคนรู้ว่ามีทุนใหญ่ยักษ์สนับสนุน มีกลุ่ม 18 พรรครวมไทยสร้างชาติ ฝั่ง “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ เป็นหน่วยก่อการ เคลื่อนไหว
แต่บุคคลที่มีข่าวว่าจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรค และ “ทำทาง” แล้วในขณะนี้ คือ “จตุพร บุรุษพัฒน์” รมว.พาณิชย์ รัฐมนตรี “โควตากลาง”
เขาให้สัมภาษณ์ Thairath News ว่า เอาเป็นว่าเราเป็นโควตากลางที่ท่านให้มาทำงานตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวค่อย ๆ เข้าใจไป แต่ตอนนี้เป็นโควตากลางในการทำงาน
พรรคโอกาสใหม่ เป็นพรรคที่ตั้งโดยอดีตข้าราชการมหาดไทย กับกระทรวงทรัพย์ มีคนใหม่ ๆ เข้ามาร่วมในการทำงานด้วย และเป็นพรรคที่เป็นทางเลือกให้พี่น้องประชาชนใหม่พรรคหนึ่ง มีอุดมการณ์ที่ชัดเจน เทิดทูนสถาบัน ธำรงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้โอกาสกับคนทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่ม มาร่วมกันคิด รุ่นเก่า รุ่นใหญ่ รุ่นใหม่ รุ่นเด็ก
ไส้ในโอกาสใหม่
พรรคโอกาสใหม่ ขณะนี้อยู่ในช่วง “ตั้งไข่” แต่องค์ประกอบการเป็น “พรรคการเมือง” ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ครบถ้วนไม่ต่างจากพรรคใหญ่
ขณะนี้มีสมาชิกพรรคทั้งหมด 5,808 คน ครบตามเกณฑ์ที่จะต้องมีสมาชิกครบ 5 พันคน ภายใน 1 ปีที่นายทะเบียนรับจดจัดตั้งพรรค และมีสาขาพรรคครบทุกภาค
องค์ประกอบพรรคขณะนี้ มี นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ อดีตผู้ว่าฯลพบุรี เป็นหัวหน้าพรรค นายวีระชัย นาคมาศ อดีตผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา เป็นรองหัวหน้าพรรค นายธงชัย ลืออดุลย์ อดีตผู้ว่าฯนครราชสีมา เป็นเลขาธิการพรรค นายโสภณ ทองดี อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นเหรัญญิกพรรค นายเฉลิมพล มั่งคั่ง อดีตผู้ว่าฯมุกดาหาร เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค นายอรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง โฆษกพรรค
ส่วนกรรมการบริหารพรรคมี 12 คน ประกอบด้วย 1.นายอรรถพล จันทร์ศร 2.นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ 3.นายธันวา พานิช 4.นายธนพนธ์ สิงหพันธุ์ 5.นายรวินท์ ชอบใช้ 6.นายธนเมธ วัฒนโกเมร 7.นางสาวโชติกาญจน์ บุญพรม 8.นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ 9.นายสิรวิทย์ ช่วงเสน 10.นางสาวริกาณ์ ปุญทริกา 11.นางสาวรังรอง เข็มทอง 12.นายวัชรวิชย์ สุขวัฒนาภิรมย์
นอกจากนี้ ยังมียอดเงินบริจาคให้พรรคโอกาสใหม่ตั้งแต่มกราคม 2568 เป็นต้นมา มีเงินบริจาคนับล้านบาทเกือบทุกเดือน
ว่ากันว่า เมื่อนายใหญ่มองการเมืองแบบธุรกิจ เพื่อไทยกำไรน้อยลง แต่ต้นทุนมาก จึงต้องเดินเกมหาพันธมิตรเพื่อลดภาระต้นทุน ดังนั้น สมการการเมืองในวันข้างหน้า อาจเห็น “เพื่อไทย-กล้าธรรม-โอกาสใหม่” เดินคู่กันเป็นองค์ประกอบหลัก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เพื่อไทย-กล้าธรรม-โอกาสใหม่ ขั้วใหม่ในเกมการเมือง ‘ทักษิณ’
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net