"ภูมิธรรม" เผยประชาชนชอบ "นโยบายปราบยาเสพติด" ยุค "ทักษิณ" ลั่นเอาจริง ตรงไหนยังมีปัญหา สั่งย้ายออกนอกพื้นที่

วันที่ 20 ก.ค. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวในรายการ “โอกาสไทย” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอ็นทีบี ถึงความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหายาเสพติดว่า ขอเท้าความไปถึงสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะเป็นที่ประจักษ์ว่าประสบความสำเร็จ และเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน แต่หลังจากนั้นปัญหาล่วงเลยมาเยอะ รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรมว.วัฒนธรรม เข้ามาก็เน้นย้ำว่ายาเสพติดเป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนาประเทศ ประชาชนควรมีศักยภาพในการช่วยกันสร้างเศรษฐกิจ แต่กำลังคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเป็นทรัพยากรที่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ได้

นายกฯเน้นย้ำให้จัดการ กลไกทั้งหมดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้าทำได้ดีจะแก้ปัญหาได้ แต่พบว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนตัดสินใจให้ตนมาอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ก็หวังว่าจะใช้กลไกกระทรงมหาดไทยในการแก้ปัญหา เพราะนายกฯไปทุกที่ ตอนหาเสียงอุ้มท้องไปทุกที่ มาร้องไห้และบอกว่าครอบครัวเขาเสียลูก สามี แม่ ภรรยาไปจากปัญหายาเสพติด ตรงนี้กระทบมาก กำลังที่ครอบครัวมีอยู่แทนที่ไปช่วยสร้างเศรษฐกิจ อาชีพ มันลดทอนไป นายกฯจึงสั่งการมาว่าไปคุยกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ทำงานประสานกัน ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า ปัญหายาเสพติดนำมาซึ่งส่วย คอร์รัปชั่น ที่จะทำให้ปัญหาซับซ้อน วางมาตรการเข้มข้นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้เป็นหัวใจ เพราะเวลาเจอประชาชนเขารู้อยู่เต็มอกว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ที่ตนได้ยินมาคือ สารวัตรบ้าง ปลัดอำเภอบ้าง นายอำเภอบ้าง ผู้กำกับบ้าง หรือเลยไปถึงระดับผู้ใหญ่ ระดับผู้การจังหวัดบ้าง ผู้ว่าราชการจังหวัดบ้าง ได้บอกว่าบางทีคนนั้นช่วยส่งเสริมอำนวยความสะดวกให้ยาเสพติดเข้ามาได้ง่าย มีจุดพักยาได้สบายๆ และหลบไปได้

ส่วนคนที่ดีพยายามสกัดกั้น บางคนไปเจ้ากี้เจ้าการให้เปิดด่าน ปล่อยให้มันข้ามด่านมา รู้อยู่แก่ใจ แต่ในเมื่อได้ผลประโยชน์ก็ไม่ทำ ตนอยากให้เลิก เพราะเป็นผลประโยชน์ส่วนตน แต่ทำลายคน สังคม ประเทศชาติ วันนี้ตนรู้ ประชาชนบอกตนว่าเขารู้ ทำไมนายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้ว่าฯ ผู้การไม่รู้ ประชาชนในเกือบทุกจังหวัดพูดอย่างนี้คล้ายกันหมด แสดงว่าตรงนี้เป็นปัญหา

“อีกปัญหาสำคัญคือ ผู้มีอำนาจในการใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหานี้ไม่ทำ ฉะนั้น จากนี้ตนเอาจริง ถ้าไปเจอแล้วมีปัญหาอยู่ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก่อนอื่นผมย้ายออกนอกพื้นที่ก่อน เอามาประจำอยู่ไหนก็ได้ อันนี้พูดจริง ถ้าไม่เชื่อ ผมเชื่อว่าเร็วๆ นี้ถ้ายังมีอย่างนี้อยู่ ท่านต้องได้เห็น ผมสั่งย้ายเลย

จากนี้ไปถ้าเข้าไปแล้วเฉื่อยชา ปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เราจะใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น แต่ก่อนอื่นผมย้ายออกจากพื้นที่ก่อน แล้วค่อยว่ากันในรายละเอียด ผมเชื่อว่าจะดีขึ้นเยอะ เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่สิ่งที่เกินเลย” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า บางครั้งเราประสานกับอินเตอร์โพลจับนอกประเทศด้วย อย่างช่วงใกล้ๆ นี้ หรือจะมีเกิดขึ้นเราก็จะจับหลายประเทศที่เกี่ยวพันกับเรา ตอนนี้เราจับตัวใหญ่ได้ บางส่วนจากประเทศเพื่อนบ้านเรา บางส่วนเข้ามาเราก็มาตามเส้นทางการเงิน แล้วได้พบอีกมากมาย ฉะนั้น เราต้องการสร้างกลไกให้เข้มแข็ง แข็งแรง ในการเป็นเครื่องมือในการปราบปรามไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เครื่องมือเหล่านี้คือ เจ้าพนักงานปกครองและฝ่ายปกครองทั้งหมด เราต้องการได้ข่าวที่ชัดเจน แม่นยำ เที่ยงตรง

“ขอให้เราเอาจริงเอาจัง ไม่ต้องมองเห็นหน้าใคร ตนได้ให้นโยบายไปแล้วว่า ถ้าถึงทุกๆ จังหวัด หรือมากกว่าจังหวัด หลายๆ จังหวัดรวมกัน ตำรวจเขามีภูธรภาคคุมหลายจังหวัด ถ้าหลายจังหวัดมีปัญหา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคต้องรับผิดชอบ หรือถ้ามีหลายกองบัญชาการ ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ รวมถึงทางฝ่ายปกครอง ปลัดกระทรวงมหาดไทยต้องรับผิดชอบ” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราให้ความสำคัญกับชายแดน ในส่วนช่องทางธรรมชาติและเส้นทางต่างๆ ขณะนี้เราอนุมัติให้ติดอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทันสมัยในการที่จะช่วย พยายามให้กองทัพ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถมีงบประมาณในการซื้อ ไม่จำเป็นต้องไปซื้ออาวุธที่ไปรบกับภายนอกมาก ที่มีอยู่ปรับปรุงเพิ่มเติมก็คงได้ แทนที่จะเอาคนเดินเข้าไปซุ่มหา แต่ใช้โดรนบินได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งเครื่องมือสื่อสารที่เป็นกล้องวงจรปิดสามารถส่องได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว มีโดรนที่บินสูงโดยไม่ได้ยินเสียงสามารถส่องจับจุดที่มีความร้อนของคน รู้ว่าอยู่จุดไหน สามารถใช้กำลังพลที่มีอยู่เข้าไปจัดการ หรือใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นในการปราบได้ สกัดทั้งของที่ผลิตเข้ามา สกัดทั้งสารตั้งต้นที่จะออกไป

รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวว่า ตนอยากขอความร่วมมือทุกส่วน ปล่อยให้เป็นแบบนี้มันมีแต่ทำลายบ้านเมือง ทำลายทุกส่วนของสังคม วันนี้ทุกฝ่ายขยับเขยื้อน ปัญหายาเสพติดมันแก้ไม่ได้ด้วยคนคนใดคนหนึ่ง มันต้องแก้ทุกส่วน ระบบราชการต้องประสานงานกัน ตัดเงื่อนไขที่จะสามารถให้มันเกิดได้ และต้องพึ่งประชาชนด้วย ยิ่งการบูรณาการแบบนี้ก็เป็นการเสริมอำนาจให้ดำเนินการ มันอาจจะออกนอกกรอบกฎหมายซึ่งเราไม่ปรารถนา เราให้ทำไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมาย ประชาชนจะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะบอก ตนเอาจริง เปิดให้ทั้งระดับหมู่บ้าน ชุมชน อำเภอ สามารถมีช่องทางในการแจ้งเบาะแสได้ รวมถึงสามารถแจ้งมายังตัวรัฐมนตรีเลยก็ได้ กระทรวงมหาดไทยมีหน่วยรับเรื่องนี้ ถ้าเอาจริงประชาชนยินดีจะบอก เขาบอกว่ามีแต่เขารู้ แต่ทำไมผู้กำกับ นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ผู้การไม่รู้ แสดงว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้เราจึงมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คนไหนมีส่วน เวลานี้เรามีตัวเลขอยู่บ้างแล้ว

“ได้ให้นโยบายไปชัดเจนแล้ว ถ้าพบว่าตรงไหนยังมีปัญหา เราจะใช้ทั้งกำปั้นเหล็กและถุงมือกำมะหยี่ ถุงมือกำมะหยี่คือทำดีได้คุณ กำปั้นเหล็กคือ คุณละเลย คุณมีปัญหาเราทุบ ผมมาอยู่กระทรวงมหาดไทยพยายามออกให้ได้ตลอดเวลา ไม่บอกว่าออกตอนไหน ถ้าดีจริงไปตอนไหนก็ต้องเจอของจริง ของดี ถ้าไม่บอกก็เซ็ตขึ้นมาให้เราได้ ผมเอาจริงเรื่องนี้ ถ้าไปเจอดี มีโอกาสส่งเสริมให้เขามีบทบาทมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงแล้วมีปัญหา พบความชัดเจนตามข่าวที่เรามี ผมย้ายเลย ในระดับไหน ถ้าจะทำจริง เพราะเรื่องนี้เป็นวาระชาติ จึงอยากให้ทุกคนเอาจริงเอาจัง”นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดในเฟส 3 จะเข้มข้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เข้มข้นขึ้นแน่นอน เมื่อเข้าสู่เฟส 3 จะปิดโครงการขั้นต้น ตนถือเป็นนโยบายหลักที่มาอยู่มหาดไทย ตัวเลขสำคัญ แต่ตอบไม่ได้ทั้งหมด ความรู้สึกประชาชนว่าเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแค่ไหนอันนั้นสำคัญที่สุด สัปดาห์ก่อนตนได้พบทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยและผบ.ตร. ได้บอกว่าขอโทษที่กล่าวอ้างถึง แต่ก็บอกว่าเอาจริง ถ้าไปถึงท่านก็ขออนุญาตดำเนินการจริงจัง เป็นการบอกกันล่วงหน้า และอยากบอกไปยังประชาชนทุกระดับว่า หัวใจสำคัญที่สุดคือ การข่าว คือสายตาประชาชนที่มีทุกที่ ถ้ามีการแจ้งข่าวมาเรามีกลไกทั้งทหารและตำรวจบริเวณชายแดนที่คอยสกัดกั้น

ขอฝากให้ซีลชายแดนทั้งหมดให้เกิดประโยชน์ที่สุด และขอฝากประชาชนว่าท่านเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะสามารถตรวจสอบยาเสพติดในส่วนที่ท่านสัมผัสว่าดีขึ้นหรือยัง หรือเป็นผักชีโรยหน้า หรือที่ไหนทำดีให้บอกมาที่กระทรวงมหาดไทย ตนปวารณาตัวจะทำเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อยากให้เห็นผล อาจไม่จบลงง่ายๆ แต่จะลดลงและพัฒนาไปถึงการหยุดการกระทำที่ทำให้เกิดปัญหากับสังคม วันนี้เราเอาจริงจะไปดูถึงที่ไม่สั่งการจากกรุงเทพฯอย่างเดียวถ้าเจอว่า ยังกล้าฝืนจะทำให้เห็นว่าความจริงจังของกลไกราชการปัจจุบันมันเข้มข้น