‘อ.ธนพร’ ชี้ ‘ทักษิณ’ ไม่ถอยเดิมพันเก้าอี้ “แพทองธาร” เปรียบเหมือนสุนัขจนตรอก
‘อ.ธนพร’ ชี้ ‘ทักษิณ’ ไม่ถอยเดิมพันเก้าอี้ “แพทองธาร” เปรียบเหมือนสุนัขจนตรอก มองคดี 112 ยังไม่ชี้ขาด เตือนบริวารอาจโดนย้าย-ติดคุก แฉ พ.ร.ก.ใช้ไล่ศัตรูการเมืองปมเขากระโดง
วันที่ 19 ก.ค. 68 รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวThe Room44 ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” ในงาน "ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก" (Unlocking Thailand's Future) โดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า ตนไม่แปลกใจอะไรเพราะเคยบอกว่าวันนี้นายทักษิณไม่มีถอยแม้แต่ก้าวเดียว ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ที่ทางด้านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่กระชับวงล้อมขอคืนพื้นที่ นายทักษิณยิ่งต้องออกมาสู้แทนลูกสาวเพื่อปกป้องลูกสาว เพราะถ้าลูกสาวไม่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว จะเท่ากับว่านายใหญ่สูญเสียอำนาจไปด้วย
“เพราะฉะนั้นถ้าใครรู้จักสุภาษิตคำพังเพยไทย อาการก็เหมือนกับคำว่า สุนัขจนตรอก นั่นแหละ เพราะถ้าไม่ออกมาต่อสู้ มันก็ไม่รู้จะมีโอกาสรอดหรือไม่ เพราะถ้าออกมาต่อสู้มันจะมีโอกาสรอด และเป็นสิ่งที่นายใหญ่แสดงอยู่ในตอนนี้“ รศ.ดร.ธนพร กล่าว
ในส่วนของประเด็น ที่นายทักษิณกล่าวตอนปาฐกถา ว่า ไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ มองเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า เป็นความตั้งใจของนายทักษิณ และขอบอกว่าอย่าประมาทเพราะเมื่อ ปี2544 ตอนที่นายทักษิณโดนร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้น นายทักษิณได้มีการพลิกเกมมาชนะได้ด้วยคะแนน 8 ต่อ 7 และย้ำว่าคะแนน 8 ต่อ 7 นี้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาเพราะทำงานหนักเพราะตนได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่นายทักษิณพูดสอดคล้องกับที่ตนเคยบอกว่า “อย่าประมาทนายใหญ่”
ในขณะเดียวกันก็ทำให้ได้เห็นการรู้ทันในทักษิณจากฝ่ายของพรรคสีน้ำเงิน เพราะฝ่ายสีน้ำเงินทราบดีว่านายทักษฺณมีประสบการณ์ 8 ต่อ 7 กรณีซุกหุ้นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน พร้อมมองว่าในตอนนี้คู่ต่อสู้ของนายทักษิณเริ่มรู้แล้วว่าการต่อสู้จะเป็นอย่างไรต่อ ก็พยามไล่ต้อนนายทักษิณให้จนลงให้ได้
รศ.ดร.ธนพร มองว่า ด้านนายทักษิณตอบโต้ทันควัน เพราะเมื่อวันที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติไต่สวนด้านนางสาวแพทองธาร หลังจากนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติ ในเรื่อง ฮั้ว เลือก สว. 100กว่าคน เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ ต้องบอกว่าเป็นการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงของทั้งสีแดงและสีน้ำเงินเพราะเกมนี้ทั้งสองฝ่ายรู้ทันกัน
พร้อมย้ำว่า ขณะเดียวกันนายทักษิณต้องปกป้องลูกน้องสุดชีวิตไม่ว่าจะเป็นลูกน้องภายในพรรค ที่จะเสียความเชื่อมั่น หรือเป็นลูกสาวที่ต้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับกรณีคลิปเสียงหลุดที่เป็นการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธารกับฮุน เซน ทำให้นางสาวแพทองธารโดนโจมตีอย่างหนัก ด้านนายทักษิณกล่าวว่าทำไมคนไทยไม่รักกัน ในมุมมองของรศ.ดร.ธนพร มองอย่างไรนั้น ว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้นายทักษิณพยามปกป้องลูกสาว แต่มองว่านายทักษิณยิ่งพูดยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ลง เพราะจริงๆแล้วในวันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ คนไทยเชื่อฮุน เซนเพราะมองว่าไม่มีใครหรอกที่ชอบฮุน เซน และคนไทยไม่เชื่อ ฮุน เซน อยู่แล้วแต่คนไทยทนไม่ได้กับเนื้อหาการสนทนาที่ด้านนางสาวแพทองธารได้มีการพูดคุยมากกว่า
รศ.ดร.ธนพร ขอย้ำว่าเนื้อหาสาระที่นางสาวแพทองธาร พูดกับ ฮุน เซน คือการทำลายเกียรติภูมิของประเทศ จึงเป็นประเด็นที่ทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เอาไปพูดบนเวทีหาเสียงเลือกตั้งซ่อม จ. ศรีสะเกษ ว่า ‘เป็นขี้ข้าประชาชน ดีกว่าเป็นขี้ข้าคนขายชาติ’
ยิ่งไปกว่านั้นกรณีที่ทหารที่ไปเหยียบกับดักระเบิดและทำให้ต้องสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง เรื่องนี้ต้องบอกว่าหากนางสาวแพทองธารเสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและแสดงความรับผิดชอบในเรื่องของ uncle เพื่อให้โอกาสประเทศไทยอย่าให้ต้องมีทหารที่เป็นอนาคตของประเทศจะต้องล้มหายตายจากหรือพิการอีก
ส่วนประเด็นที่นายทักษิณแสดงถึงความมั่นใจในคดี ม. 112 บอกว่า ‘ผมเข้าเบิกความเอง ผมรู้ว่าโจทย์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย’ ตรงนี้มองอย่างไรบ้าง รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า มุมมองของนายทักษิณเป็นมุมมองของจำเลยส่วนศาลจะเห็นตรงกับนายทักษิณหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปคาดการณ์ได้และยิ่งไปกว่านั้นการที่พิจารณาเรื่องนี้ในศาลเราไม่ได้เข้าไปฟังในการพิจารณาเพราะการที่นายทักษิณ พูดอะไรก็เป็นความเชื่อของนายทักษิณอยู่ฝ่ายเดียว
พร้อมบอกว่าวันที่ 22 ส.ค. 68 คดี ม.112 ก็ยังไม่สิ้นสุดเพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อนายทักษิณ ก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาต่อ พร้อมมองว่ายังไม่ใช่จุดที่จะมาชี้ขาดในทางการเมืองว่านายทักษิณเสร็จแน่เพราะทางด้านของนายทักษิณและอัยการก็ต้องสู้ต่อไป
ขณะเดียวกัน ในเรื่องของคดีโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ตนมองว่านายทักษิณไม่มีการกลับไปติดคุกอีกเพราะนายทักษิณพูดบนเวทีเองว่าคดีชั้น 14 ไม่เกี่ยวกับนายทักษิณแต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอย่างที่ตนเคยบอกไป ว่าใครที่เป็นลูกน้องของนายทักษิณติดคุกทุกคน และยืนยันไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐและฝ่ายการเมืองที่ตอนนี้ลูกน้องนายทักษิณบอกว่าจะย้ายคนนั้นคนนี้ภายในสามเดือนถ้าหากไม่ทำตาม ตนเชื่อว่าใครเป็นลูกน้องนายทักษิณติดคุก
”ใครที่คิดจะยื่นใบสมัครไปเป็นเครือข่ายลูกน้องของนายใหญ่ทำงานถวายหัวเชื่อผมเถอะครับ โดนย้ายดีกว่าติดคุก อย่าไปกลัวคำขู่เลยให้รักษาตัวดีกว่าติดคุกจะปลอดภัยกว่า“รศ.ดร.ธนพร ย้ำ
ในกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก ฯ บอกว่าหากเขาไม่ให้ลูกตนคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก ฯ และรมว.วัฒนธรรม ทำงานต่อ ตนก็แค่กลับไปเลี้ยงลูก ซึ่งมองว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าในคดีศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่รอด ว่า นายทักษิณเคยแสดงทีเด็ดมาแล้ว ในกรณีของศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 7 เสียง ให้นายทักษิณพ้นผิดคดีซุกหุ้น แต่ก็อยากให้นายทักษิณอย่าเพิ่งมั่นใจ เพราะกรณีของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการไต่สวนคลิปสนทนา ยังไม่จบเพียงแค่พ้นตำแหน่ง มันสามารถตัดสิทธิ์ทางการเมือง และลามไปสู่คดีอาญา และข้อหาที่ น.ส.แพทองธาร จะเจอในทางอาญาเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงสนทนา มันเป็นข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงแน่นอน เพราะฉะนั้นนายทักษิณอย่าเพิ่งมั่นใจ ถ้าจะถามว่าทำไมนายทักษิณถึงดูมั่นใจ ตนเคยกล่าวไปแล้วว่าเพราะนายทักษิณเคยโกงความตายมาแล้วเมื่อตอน 20 กว่าปีก่อนในคดีซุกหุ้น
เมื่อถามอีกว่าการที่นายทักษิณพูดถึงอำนาจของรัฐบาล คือการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) คล้ายกับ ม.44 มองว่าต่อไปรัฐบาลอาจเดินหน้าออก พ.ร.ก. เพื่อให้เดินหน้านโยบายต่าง ๆ ที่ติดขัดข้อกฎหมายหรือไม่ รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า นายทักษิณเป็นคนพูดเองบนเวที โดยเป็นประเด็นที่เป็นนัยยะ ทางการเมืองและการบริหารงานมากที่สุดบนเวทีในวันนั้น แต่การใช้อำนาจของรัฐบาลออก พ.ร.ก. ไม่ใช่เป็นเรื่องของการผลักดันนโยบาย แต่เป็นการออก พ.ร.ก. เพื่อแก้เกมนิติสงครามหรือเป็นการเปิดเกมนิติสงครามหรือสร้างกติกาเพื่อไปไล่ล่าฝ่ายตรงกันข้าม
รศ.ดร.ธนพร กล่าวอีกว่า ตนขอยกตัวอย่างที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าในวันนี้เรื่องยังไม่ไปถึงไหนเพราะกระบวนการตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 มันจบสิ้นไปแล้ว เพราะฉะนั้นหากได้ล่าเพิกถอนโฉนดกันให้ได้มีอยู่ทางเดียวก็ต้องแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดิน และวิธีที่เร็วที่สุดในการแก้ไขกฎหมายคือการออก พ.ร.ก. ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร และขอเรียนว่าความชอบธรรมในการออก พ.ร.ก. เพื่อมาแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินในเรื่องนี้ก็มีเช่นกัน เพราะว่ากรณีเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยไม่ชอบมันไม่ได้เกิดที่กรณีของเขากระโดงที่เดียวเกิดขึ้นหลายโฉนดและทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นเป็นความชอบธรรมที่นายทักษิณจะให้รัฐบาลออก พ.ร.ก. เพื่อที่จะฟาดฟัน ไล่บี้พลพรรคสีน้ำเงินกล่องดวงใจที่จังหวัดบุรีรัมย์ให้ได้
รศ.ดร.ธนพร กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่ารัฐบาลก็จะทำตามคำสั่งนายทักษิณแบบไม่มีข้อแม้ เพราะนายทักษิณนอกจากจะเป็นพ่อของ น.ส.แพทองธาร รวมถึงเป็นเสมียนประเทศไทยแล้ว ก็คือเจ้าของพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะฉะนั้นแกนนำพรรคเพื่อไทยที่มีหน้าที่อยู่ในรัฐบาลไม่มีทางจะทำอย่างอื่นได้นอกจากปฏิบัติตามคำสั่งของนายทักษิณอย่างเดียว
เมื่อถามอีกว่าท้ายสุดแล้วรัฐบาลชุดนี้ จะยังอยู่ครบเทอมหรือว่าเตรียมฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่หลังงบปี 69 ผ่าน รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเมื่อไหร่ ตนได้แต่บอกว่าในวันนี้แนวโน้มที่ น.ส.แพทองธาร จะได้ไปต่อ เหลือน้อย แต่ก็เพราะว่าเหลือน้อยนายทักษิณจึงออกมาสู้แบบสำนวนไทยที่บอกว่าสุนัขจนตรอก เพราะโอกาสที่เหลือน้อยจะหลุดรอดได้ก็ต่อเมื่อต่อสู้เท่านั้น ขณะที่อีกขั้วหนึ่งเขาก็ปิดเกม การตอบโต้ของนายใหญ่เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วการเมืองไทยจะเปลี่ยนตัวนายก ฯ ก็ต้องจับตาดูวันที่ศาลธรรมนูญมีคำวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว เกมของนายทักษิณกรณีโกงความตาย 8 ต่อ 7 เมื่อ 20 กว่าปีก่อนมันไม่ได้ผล โอกาสที่นายก ฯ จะเป็นชื่อของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายก ฯ ลำดับที่ 3 พรรคเพื่อไทย ก็ต้องเรียนว่ายากเย็นแสนเข็ญเพราะวันนี้พรรคน้ำเงินกับพรรคส้มปิดดีลกันไปเรียบร้อยแล้ว