‘เหริน เจิ้งเฟย’ ซีอีโอหัวเว่ย มั่นใจชิปจีนไม่สะเทือน ชี้การกีดกันของสหรัฐฯ ทำลายระบบพัฒนาเทคฯ ปักกิ่งไม่ได้
(22 ก.ค. 68) เหริน เจิ้งเฟย (Ren Zhengfei) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของหัวเว่ย ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ People's Daily ของรัฐบาลจีนว่า แม้เทคโนโลยีชิปของจีนจะยังล้าหลังสหรัฐฯ อยู่หนึ่งรุ่น แต่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป เพราะจีนสามารถใช้ 'คณิตศาสตร์มาชดเชยฟิสิกส์' และอาศัยการประมวลผลแบบรวมกลุ่ม (clustering) ยกระดับสมรรถนะให้ทันมาตรฐานโลก พร้อมเสริมว่า “หัวเว่ยไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้สมกับที่อเมริกาประเมินไว้สูงเกินจริง”
หนึ่งในนวัตกรรมที่หัวเว่ยกำลังผลักดันคือระบบ AI คลาวด์เมตริกซ์ 394 ซึ่งใช้ชิป Ascend 910C กว่า 384 ตัวในหนึ่งระบบ และสามารถแข่งขันกับซูเปอร์ชิปรุ่นล่าสุดของ Nvidia อย่าง GB200 ได้อย่างสูสี นักวิเคราะห์จาก SemiAnalysis ระบุว่าหัวเว่ย “ล้าหลังในระดับชิป แต่อาจนำหน้าในระดับระบบ” เพราะสามารถรวมเอานวัตกรรมด้านตัวเร่งความเร็ว, โครงข่ายไฟเบอร์, และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับกลางและระดับล่าง เหรินมองว่าจีนมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในเซมิคอนดักเตอร์พลังงานประเภทซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่จีนครองตลาดโลกมากกว่าสองในสามแล้ว ซึ่งบริษัท BYD ของจีนเพิ่งเปิดตัวระบบชาร์จเร็วที่วิ่งได้ 400 กม. ด้วยการชาร์จเพียง 5 นาที และกำลังสร้างห่วงโซ่ผลิตชิป SiC ครบวงจรภายในบริษัทเอง
เหรินยังเน้นถึงความสำคัญของการวิจัยพื้นฐาน โดยหัวเว่ยลงทุนกว่า 180,000 ล้านหยวน (ราว 900,000 ล้านบาท) ต่อปีในการวิจัยและพัฒนา โดยหนึ่งในสามของงบนี้มุ่งสู่การวิจัยเชิงทฤษฎี เช่นโครงการพัฒนาชิป Hybrid Stochastic Computing SoC ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพนซอร์ส ซึ่งสามารถทำงานได้ทนทานและประหยัดพลังงานกว่าเดิมมาก และยังไม่อยู่ภายใต้มาตรการแซงก์ชั่นของสหรัฐฯ
จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก จีนกลายเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีประมวลผลแบบเฟ้นสุ่ม (stochastic computing) ไปแล้ว และแนวโน้มนี้แสดงให้เห็นว่าการจำกัดเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อาจย้อนกลับมาส่งผลเสียต่อบริษัทสหรัฐเอง
ด้าน แฮนเดิล โจนส์ (Handel Jones) ซีอีโอของบริษัทวิจัย International Business Strategies (IBS) ออกมาแสดงความเห็นว่า “ตลาดชิปในจีนอาจหลุดมืออเมริกาไปแล้ว” และภายในปี 2030 บริษัทจีนอาจครองตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศตัวเองเกินครึ่งทุกหมวด