สรุปดราม่าม้วนเดียวจบ “ต้อม ยุทธเลิศ” ของขึ้น ฟาดเดือดเรื่องลิขสิทธิ์ “บุปผาราตรี”
สรุปดราม่าม้วนเดียวจบ ! หลัง “ต้อม ยุทธเลิศ” ของขึ้น ฟาดเดือดเรื่องลิขสิทธิ์ “บุปผาราตรี”
เรื่องราวของ บุปผาราตรี ที่ดูเหมือนจะกลับมาแบบปัง แต่กลับกลายเป็น ดราม่าร้อนแรงที่สุดในวงการหนังไทยตอนนี้ หลังจากที่ ต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับและเจ้าของลิขสิทธิ์ “จักรวาลบุปผาราตรี” ออกมาโพสต์ฟาดเตือนแรง ว่าไม่เคยอนุญาตให้ใครทำภาคต่อ รีบูต หรือรีเมกใด ๆ ทั้งสิ้น
จุดเริ่มต้นดราม่า
- ต้นปี 2568 มีการเปิดตัวโปรเจกต์ “บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล” ก่อนเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บุปผา” (Buppha The Movie) ผลงานสร้างของค่าย Be On Cloud โดยมี พิง ลำพระเพลิง กำกับ ร่วม ปอนด์ กฤษฎา เจ้าของค่าย ท
- วันที่ 21 ส.ค. 2568 มีการประกาศเปิดตัวนักแสดงนำ อาโป ณัฐวิญญ์, เจษ เจษฎ์พิพัฒ, อิงฟ้า วราหะ, ฟรีน สโรชา และ แจ๊ส ชวนชื่น
ต้อม ยุทธเลิศ โพสต์เตือนครั้งแรก
- ประกาศ: ‘บุปผาราตรี’ นายยุทธเลิศคือเจ้าของ ลิขสิทธิ์และจักรวาลของหนังแต่ผู้เดียวบนโลกใบนี้ ยังไม่เคยอนุญาตให้ใครเอาไปทำภาคต่อ ไม่ว่าจะ Reboot หรือ Remake หรือรีอื่นใดทั้งสิ้น มีเพียงครั้งเดียวที่อนุญาตให้ไปทำใหม่คือ ‘บุปผาราตรี The musical’แต่นั่นก็เฉพาะในแบบละครเวที และขอลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าในแบบหนังภาคต่อไม่มีนะครับ ที่จะมีคือ ‘Buppah in New York’หรือ บุปผาราตรี5 ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาบท ซึ่งยุทธเลิศยังคงอยู่ในตำแหน่งเขียนบท-กำกับภาพยนตร์ และเป็นเจ้าของจักรวาลบุปผาแต่ผู้เดียวเช่นเดิม
ปล. สำหรับใครที่คิดจะเคลม กรุณาหยุด ยุทธเลิศไม่เข้าใครออกใครจริงๆนะมึง กูขอเตือน ปอนด์ Be On Cloud ตอบโต้ - ปอนด์ เจ้าของค่ายออกมาชี้แจงว่า ได้ทำสัญญาขออนุญาตใช้ชื่อและเค้าโครงเรื่องอย่างถูกต้อง พร้อมชำระค่าลิขสิทธิ์ให้บริษัทที่ถือลิขสิทธิ์โดยตรง ยืนยันไม่เคยละเมิดผลงานใคร
Be On Cloud ร่อนแถลงการณ์ฉบับเต็ม
- ล่าสุด บี ออน คลาวด์ (Be On Cloud) บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “บุปผา” ก็ได้โพสต์จดหมายชี้แจงถึงประเด็นการทำภาพยนตร์อย่างละเอียด
ต้อม ยุทธเลิศ ฟาดรอบสอง
- วันที่ 25 ส.ค. ต้อมออกมาเล่าละเอียดว่า
ถึง แฟนตัวจริงของบุปผาราตรีทั่วโลกหลังจากที่กูประกาศเตือน ‘นักเคลมหน้าใหม่’ไปดีๆ แต่ผลที่ได้คือมันหาว่ากูไม่Profesional และขู่จะฟ้องกูเพราะมันอ้างว่า ได้ถือลิขสิทธ์บุปผาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
อะ กูจะSYNOPSISให้พวกมึงฟัง เรื่องมันเริ่มตรงนี้ ย้อนกลับไป ซักปีกว่า พิงลำพระเพลิง โทรมาหากู ขอใช้ชื่อบุปผาราตรี
‘เฉยๆ’ จะคิดเงินเท่าไหร่ กูก็ถามแล้ว ทำไมไม่คิดใหม่ คำตอบคือ ถ้าคิดใหม่นายทุนจะไม่ให้เงิน กูเห็นเป็นเพื่อน เพื่อนคงลำบาก กูไม่ลำบากก็เลยเซ็นให้ไปใช้ได้ในเวลาแค่2ปี และมีข้อแม้ใน สัญญาว่า ‘หนังที่จะลงทุนจะชื่อเหี้ยอะไรก็ตามพิงต้องเป็นผู้กำกับเท่านั้น’
หลังจากนั้นพักใหญ่พิงติดต่อมาอีกครั้ง บอกหนังยังไม่ได้เปิดกล้องเพราะทุนเดิมไม่พอ เพิ่งขอทุนใหม่ได้ แต่นายทุนใหม่ขอแก้ไขสัญญาคือขอใส่ชื่อตัวเองต่อท้ายชื่อนายทุนเดิมในการถือครองสิทธิ์ร่วม
เหมือนเดิม สงสารเพื่อน เพราะถ้ากูไม่เซ็น พิงก็ลำบาก ส่วนกูมันไม่ลำบากก็เลยเซ็นให้ใหม่ เพราะดูแล้วก็ไม่ได้มีการแก้ไขส่วน อื่นใดในสัญญาเดิม ซึ่งกูก็ไม่ได้เรียกร้องค่าลิขสิทธิ์เพิ่มแต่อย่างไร
หลังจากนั้น มีการเปิดตัวหนังอันยิ่งใหญ่ นักเคลมหน้าใหม่นั่งคู่ผู้กำกับพิงแต่ไร้ซึ่งนายทุนเก่าผู้ถือลิขสิทธ์ร่วม และไร้ซึ่งการ สื่อสารให้ชัดเจนตามในสัญญาว่า หนังบุปผาราตรี มาลีรัตติกาลไม่ใช่ภาคต่อบุปผาราตรี ของยุทธเลิศ’ แต่อะ กูไม่ว่าอะไรเพราะเพื่อนยังคงเป็นผู้กำกับอยู่
แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีคนส่งข่าวมาให้ นักเคลมหน้าใหม่ได้ออก ข่าวเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ เปลี่ยนนักแสดงใหม่ โละทิ้งเรื่องเก่าและไม่เอาผู้กำกับคนเก่าอย่างพิงกำกับ “นี่คือสิ่งที่กูรับไม่ได้”
กูรู้ไอ้พิงมันเป็นคนดี มันดีจนไม่สามารถจะปกป้องตัวเองได้ และ
ในคือเหตให้กต้องออกมาเตือน แต่อีนีกลับข่จะฟ้องกซะงันเย่ด
เข้ ดี! ถ้าแม่งจะเลือกทางนี้ กูจัดให้
“คราวนี้กูจะพูดกับมึงตรงๆนะ ว่าต่อจากนี้มึงจะต้องเจอกับอะไร
มิงกลับไปอ่านสัญญาทีมิงถีออย่ให้ดี ตังแต่ทีมิงเอาพังออก มิงได้ทำผิดสัญญาฉบับนั้นไปเรียบร้อยแล้ว สัญญานั้นถือเป็นโมฆะ มันไม่ใช่สัญญาที่ถูกต้อง และกูผู้อนุญาต มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายได้ และนับจากนี้ มึงไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อบุปผาอีกต่อไป แล้วถ้า มึงดึงดันจะใช้ชื่อบุปผาต่อ ไม่ว่าจะเป็น บุปผา-เหี้ยอะไรก็แล้วแต่มึงเตรียมรับหมายศาลและเงินประกันตัวไว้ได้เลย และไม่ว่าใคร ก็ตาม ที่แชร์ข้อความอันเป็นเท็จของมึงต่อ กูสอยหมด กูไม่ลำบาก เท่ๆ มึงแชร์กันให้เต็มที่ คุกมีที่ไว้ให้คนแบบพวกมึงเสมอ”
ปอนด์ Be On Cloud เคลื่อนไหวต่อ
- ยืนยันว่าโปรเจกต์นี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อทำลายตำนาน แต่เป็นการตีความใหม่โดยเคารพต้นฉบับ และใช้ชื่อ “บุปผา” อย่างถูกต้องตามสิทธิ์
ผู้กำกับเลว เปิด EP แฉบทสนทนา
• EP1 เล่าบทสนทนาระหว่าง แจ๊ส ชวนชื่น, ดาว, ยุทธ และแจง โดยมีประเด็นว่าไม่เห็น พิง ลำพระเพลิง ในกองถ่าย ทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมพิงไม่ได้กำกับ ทั้งที่ชื่อแจ๊สกลับไปโผล่เป็น ผู้อำนวยการสร้าง โดยเจ้าตัวยืนยันว่า “เขาไปใส่เอง ไม่ได้บอกเรา”
• EP2 เป็นบทสนทนาของ ยุทธ คุยกับ พิง ซึ่งพิงยอมรับว่าไม่ได้กำกับแล้ว และบอกว่า “เขาบอก หนังไปต่อได้โดยไม่ต้องมีพิง” แต่ยังขอให้ยุทธใจเย็น ๆ จนถูกสวนกลับว่า “โดนขนาดนี้ยังไปกดไลก์อีกฝ่ายอยู่เลย
พิง ลำพระเพลิง ฟาดกลับแรง
พิงรีบแชร์โพสต์ดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก พร้อมตอบโต้เดือดว่า
• สาบานด้วยชีวิตตัวเอง เมีย และลูก ว่าหากตนพูดตรงกับโพสต์นั้นแม้แต่คำเดียว ขอให้ตายทั้งโคตร
• ยืนยันไม่ได้อัดเสียงแอบอ้าง พร้อมประกาศว่าจะไปหาตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบ และหากไม่เป็นความจริงพร้อมขึ้น โหนกระแส เคลียร์กันต่อหน้าสาธารณะ
• ฝากถึงผู้กำกับเลวว่า “เห็นอนาคตแกรึยัง”
หลังจากโพสต์ไม่นาน พิงก็ลบข้อความทิ้ง แต่ประเด็นกลับยิ่งร้อนแรงกว่าเดิม
ผู้กำกับเลว ไม่ยอมถอย
ฝ่ายผู้กำกับเลวตอบทันทีว่า “พร้อมออกโหนกระแส” และยังทวิตต่อว่า
“มาแบบนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้ว แต่คือศัตรู ศัตรูที่สมคบคิดกับนายใหม่โกงตนตั้งแต่แรก” พร้อมขู่แรงว่าการที่ดึงลูกตนที่เสียไปเข้ามาเกี่ยว “หลังจบรายการ ต้องมากราบขอโทษต่อหน้า ไม่งั้นจะกระทืบให้จมดิน”
ปอนด์ Be On Cloud ยังโพสต์ต่อเนื่อง
ท่ามกลางกระแสเดือด ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud ก็ออกมาโพสต์ X ส่งกำลังใจให้พิงว่า
“พวกเรารักและส่งกำลังใจให้พี่พิงเสมอนะครับ… เรากำลังมีความสุขกันเลย งงว่ามีคนพยายามทำลายบรรยากาศความสุขไปเพื่ออะไร”
พร้อมโพสต์ต่ออีกว่า
• “จะไม่ให้คนรุ่นใหม่ได้เกิดเลยมั้ง หวานเกินคุณน้า”
• “dior ในตู้สั่นไปหมดละ 5555”