PRTR เดินหน้ากลยุทธ์ “เติบโตอย่างมีวินัย” ชู Outsource-HR Tech-M&A หนุนครึ่งปีหลังโตต่อ
นายธีรภัทร์ เพ็ชรโปรี ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท อาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 57.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.52% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิรวม 112.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้เศรษฐกิจโดยรวมยังเผชิญความท้าทาย แต่บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรให้ทรงตัวและมีทิศทางการเติบโตที่มั่นคง
โดย PRTR เน้นกลยุทธ์ “เติบโตอย่างมีวินัย” โดยมี 3 แกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่ 1.) การขยายธุรกิจเอาท์ซอร์ส (Outsource) ที่เป็นรายได้ประจำ 2.) การเร่งผลักดันธุรกิจ HR Tech ให้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น และ 3.) การสร้างการเติบโตต่อเนื่องด้วยการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ควบคู่กับการทำ Synergy กับฐานลูกค้าองค์กรปัจจุบัน เพื่อให้รายได้เติบโตอย่างยั่งยืน
ในส่วนธุรกิจ Outsource บริษัทถือเป็นรายได้หลักคิดเป็น 96% ของรายได้รวม โดยสิ้นไตรมาส 2/68 มีจำนวนพนักงาน Outsource อยู่ที่ 19,236 คน เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทมีแผนออนบอร์ดลูกค้าใหม่ต่อเนื่องในไตรมาส 3 ทั้งในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง และโครงการด้านพลังงาน–น้ำมันและก๊าซ โดยมีการจ้างพนักงานเพิ่มเติมราว 200 คน ขณะที่โมเดลธุรกิจ Cost Plus Model ยังช่วยให้สามารถส่งผ่านต้นทุนแรงงานไปยังลูกค้าได้ ลดความผันผวนของอัตรากำไร
สำหรับธุรกิจ Recruitment แม้ครึ่งปีแรกจะชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนด้านภาษีการค้าสหรัฐฯ แต่บริษัทคาดว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะตำแหน่งระดับจูเนียร์และงานบริการลูกค้า ซึ่งมีความต้องการจ้างงานสูง ขณะที่งานระดับกลางถึงผู้บริหารเริ่มมีสัญญาณทยอยกลับมา แม้รอบการตัดสินใจจ้างงานยังใช้เวลานานกว่าปกติ
ด้านธุรกิจใหม่ (New Services) มีแนวโน้มเร่งตัวในครึ่งปีหลัง โดย The Black Smith จะเริ่มรับรู้รายได้จาก Backlog ประมาณ 11 ล้านบาทในไตรมาส 3 พร้อมตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 50 ล้านบาท แม้ปรับเป้ารับรู้รายได้ลงเหลือราว 40 ล้านบาท ขณะที่ PIN (HRS Software) ใกล้แตะเป้าหมายผู้ใช้งาน 50,000 ราย และคาดว่ารายได้ทั้งปีจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท สามารถพลิกเป็นกำไรได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรสำคัญของบริษัท
ในส่วนการลงทุน บริษัทได้ปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Bit Resource ซึ่งดำเนินธุรกิจ Outsourcing พนักงานขับรถและแม่บ้าน มูลค่า 40 ล้านบาท โดยจะช่วยเพิ่มรายได้รวมของ PRTR ราว 1% ในปีนี้ และขยับขึ้นเป็น 3–3.5% ในปีหน้า เนื่องจาก Bit Resource มีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจรักษาความปลอดภัย (รปภ.) อีก 2–3 แห่ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการ Cross-sell ให้กับฐานลูกค้าเดิม
ทั้งนี้ PRTR ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือ 434 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีที่ 478 ล้านบาทเนื่องจากการจ่ายปันผล 150 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงไม่มีหนี้ที่มีดอกเบี้ย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (OPEX/Revenue) อยู่ในระดับเพียง 5.3–5.4% แสดงถึงการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีศักยภาพในการขยายธุรกิจ Outsource ให้มีรายได้สูงถึง 15,000 ล้านบาทต่อปีโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนจากภายนอก
แม้บริษัทได้ปรับเป้าการเติบโตของรายได้รวมปี 2568 ลงจากเดิม 10–15% เหลือ 5–10% เพื่อสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและโครงการที่สิ้นสุดลง แต่ยังเชื่อมั่นว่าครึ่งปีหลังจะสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้ โดยในไตรมาส 3 คาดว่าจะได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจ Outsource และการรับรู้รายได้จาก The Black Smith ส่วนในไตรมาส 4 จะได้รับแรงเสริมจากการฟื้นตัวของธุรกิจ Recruitment และการเร่งตัวของธุรกิจ HR Tech ซึ่งจะเป็นตัวเร่งสำคัญในการผลักดันกำไร