กลุ่มสิทธิฯ ชี้ รัฐเทนเนสซีสั่งประหารนักโทษโดยไม่ปิดเครื่องกระตุ้นหัวใจ เข้าข่ายการทรมาณ
กลายเป็นประเด็นใหญ่ เมื่อรัฐเทนเนสซีประหารนักโทษ โดยที่ไม่ปิดเครื่องกระตุ้นหัวใจ โดยกลุ่มสิทธิฯ ชี้ว่าเป็นการทรมาณ ผิดหลักมนุษยธรรม
เกิดประเด็นถกเถียงด้านมนุษยธรรมอย่างรุนแรง เมื่อรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ได้ดำเนินการประหารชีวิต นายไบรอน แบล็ก นักโทษชายวัย 69 ปีด้วยการฉีดยาพิษ โดยไม่ได้ปิดการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดฝังในร่างกาย (ICD) ของเขา
ความเคลื่อนไหวนี้สร้างความกังวลอย่างยิ่งว่าอุปกรณ์ดังกล่าวอาจช็อกหัวใจให้กลับมาทำงานอีกครั้ง หลังยาพิษออกฤทธิ์ ทำให้เกิดภาวะ “ตายแล้วฟื้นวนลูป” ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดทรมานเกินความจำเป็น
นายแบล็กป่วยด้วยโรคเรื้อรังหลายโรค ทั้งภาวะสมองเสื่อม ไตวาย และหัวใจล้มเหลว จนต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา ทีมทนายความของเขาได้ยื่นเรื่องขอให้ศาลสั่งปิดการทำงานของ ICD ก่อนการประหาร แต่คำสั่งดังกล่าวถูกศาลฎีกาของรัฐเทนเนสซีเพิกถอนไป โดยให้เหตุผลว่า “ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจออกคำสั่ง”
ศูนย์ข้อมูลโทษประหารชีวิตของสหรัฐฯ (Death Penalty Information Center) เปิดเผยว่ายังไม่เคยมีกรณีใดในอดีตที่มีการประหารนักโทษซึ่งฝัง ICD อยู่ในร่างโดยไม่ปิดการทำงานมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐยืนยันว่าการฉีดยาพิษจะไม่กระตุ้น ICD ให้ทำงาน และผู้ต้องขังก็จะไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆ แต่คำกล่าวนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการละเมิดหลักมนุษยธรรม
ทั้งนี้ นายแบล็กถูกตัดสินประหารชีวิตในคดีฆาตกรรมหญิงคนรักวัย 29 ปี และลูกสาวของเธออีก 2 คน วัย 9 ขวบ และ 6 ขวบ ในปี 1988 ซึ่งเขาลงมือขณะอยู่ระหว่างโครงการปล่อยตัวชั่วคราวจากคุก
อ้างอิง : www.bbc.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง