ทะเลรอบฮอกไกโดอุ่นขึ้น หายนะอาหารทะเลญี่ปุ่น
เมืองราอุสุ ซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรชิเระโตโกะ ทางตะวันออกของเกาะฮอกไกโด เป็นแหล่งผลิต “สาหร่ายคอมบุ” คุณภาพสูงซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารญี่ปุ่น ทว่าผู้ผลิตในพื้นที่เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่ผิดปกติและแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ลดลงอย่างชัดเจน ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 อุณหภูมิผิวน้ำทะเลใกล้ชายฝั่งราอุสุพุ่งสูงถึง 25 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้ชาวประมงท้องถิ่นถึงกับตกตะลึง เพราะเป็นอุณหภูมิที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สาหร่ายคอมบุเป็นพืชทะเลที่เจริญเติบโตได้ดีในน้ำเย็น หากอุณหภูมิสูงเกินไป รากจะอ่อนแอจนทำให้หลุดลอยจากที่ยึดเกาะ และการเจริญเติบโตลดลงอย่างมาก สาหร่ายคอมบุที่ราอุสุแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ แบบธรรมชาติที่เติบโตจากพื้นทะเล และแบบเพาะเลี้ยงที่ผูกติดไว้กับเชือกลอยในทะเล ปี 2023 คอมบุแบบเพาะเลี้ยงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยผู้ผลิตบางรายสูญเสียผลผลิตถึง 50–80%
ในปี 2023 คอมบุธรรมชาติคิดเป็น 69.5% ของคอมบุที่เก็บเกี่ยวในญี่ปุ่น ขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นแบบเพาะเลี้ยง โดยฮอกไกโดเป็นแหล่งผลิตคอมบุใหญ่ที่สุดในประเทศ คิดเป็นประมาณ 95% ของผลผลิตทั้งหมด แม้คอมบุจะสามารถเจริญเติบโตได้ถึงน่านน้ำทางใต้ของจังหวัดอิบารากิฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และจังหวัดอาโอโมริฝั่งทะเลญี่ปุ่น แต่พื้นที่หลักก็ยังคงเป็นฮอกไกโด
คุณภาพและปริมาณของสาหร่ายคอมบุในญี่ปุ่นจึงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในฮอกไกโดเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ปริมาณการเก็บเกี่ยวคอมบุที่นี่ลดลงถึงสองในสามในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์นี้ไม่จำกัดแค่ที่ราอุสุ แต่เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ข้อมูลจากองค์กรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางทะเลฮอกไกโดในเดือนเมษายน 2025 ระบุว่าในปีงบประมาณ 2024 มีการเก็บเกี่ยวคอมบุเพียง 8,213 ตัน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 10,000 ตัน การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเลจากภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลผลิตลดลง
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮอกไกโดได้ทำการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อสายพันธุ์คอมบุ 11 ชนิด โดยใช้สถานการณ์จำลอง ซึ่งเป็นระดับกลางในรายงานการประเมินของ IPCC หากอุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.1–2.6°C ภายในสิ้นศตวรรษนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่คอมบุ 4 สายพันธุ์ (เช่น Saccharina longissima, Saccharina coriacea) จะหายไปจากทะเลญี่ปุ่น และหากเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ซึ่งอุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นถึง 4.8°C จะทำให้สูญเสียถึง 6 สายพันธุ์จากน่านน้ำญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ในฤดูหนาวของทุกปี จะมีธารน้ำแข็ง (drift ice) จากทะเลโอค็อตสค์ที่ลอยลงมาถึงชายฝั่งฮอกไกโด ซึ่งก่อตัวจากน้ำทะเลเย็นจัดบริเวณไซบีเรียและเกาะซาคาลิน แล้วถูกพัดพาลงใต้โดยกระแสลมและน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม ธารน้ำแข็งก็กำลังลดลงเช่นกัน จากข้อมูลของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น พบว่าพื้นที่สูงสุดของน้ำแข็งในทะเลโอค็อตสค์ลดลงถึง 56,000 ตารางกิโลเมตรทุก 10 ปี หรือเฉลี่ย 3.5% ต่อทศวรรษ
การจำลองยังระบุว่า หากภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป พื้นที่น้ำแข็งทางตอนใต้ของเส้นรุ้งที่ 46 ใกล้ฮอกไกโด จะลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามภายในปี 2050 (แม้เป็นสถานการณ์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด) หากอยู่ในระดับกลางจะเหลือเพียงหนึ่งในสี่ และในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจเหลือเพียงหนึ่งในห้า บางการคาดการณ์ถึงขั้นระบุว่าในอนาคตอาจไม่มีธารน้ำแข็งมาถึงฮอกไกโดเลยในบางปี
ธารน้ำแข็งในฮอกไกโดไม่ได้มีค่าแค่เชิงท่องเที่ยวเท่านั้น เมื่อน้ำแข็งละลายในฤดูใบไม้ผลิ จะปล่อยธาตุเหล็กจากแม่น้ำอามูร์ลงสู่ทะเล ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตของแพลงก์ตอนพืชซึ่งเป็นฐานของห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศทางทะเล โดยหอยเชลล์ของฮอกไกโดที่มีชื่อเสียงก็ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ หากธารน้ำแข็งลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลกระทบต่อหอยเชลล์และสัตว์ทะเลอื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อุณหภูมิน้ำทะเลใกล้ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.33°C ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึงสองเท่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่อุณหภูมิพื้นดินเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลต่อทะเลญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ทวีป นอกจากนี้ กระแสน้ำคุโรชิโอยังได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์นี้
อุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นยังก่อให้เกิด “คลื่นความร้อนทางทะเล” หรือช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงผิดปกติติดต่อกันเกิน 5 วัน ซึ่งแม้เพียงหนึ่งองศา ก็สามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น ปริมาณปลาดาบ (scabbard fish) ลดลงในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก แต่กลับเพิ่มขึ้น 25 เท่าในรอบสิบปีในจังหวัดทางเหนือ เช่น อิวาเตะ มิยางิ และฟุกุชิมะ
ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนบก แต่กำลังเปลี่ยนแปลงใต้ผิวน้ำทะเลอย่างเงียบงัน สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในทะเลมักถูกมองข้าม หากไม่มีการรับมือและเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ อนาคตของอาหารทะเลญี่ปุ่นอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร มาตรการรับมือ เช่น การประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากคลื่นความร้อนและฝนตกหนัก แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องอาหารทะเลที่หล่อเลี้ยงวัฒนธรรมญี่ปุ่นมายาวนาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โลกร้อนเกิน 1.5–2.0°C จุดเปลี่ยนหายนะ ที่อาจไม่มีวันหวนกลับ
- วิกฤตปะการัง! เกรทแบร์ริเออร์รีฟทรุดหนัก ปะการังลดลงมากสุดในรอบ 40 ปี
- วิกฤต “มาดากัสการ์” อาจจมหายทั้งเกาะ หากไม่เร่งป้องกัน
- สหรัฐฯอาจถอนตัว COP30 เปิดทาง “จีน” ครองบัลลังก์ ผู้นำโลกด้านสภาพภูมิอากาศ
- หนีร้อนผิดที่! นอร์ดิกร้อนทะลุ 30°C คลื่นความร้อนแรงสุดในศตวรรษ
ล่าสุดจาก TNN ช่อง16
ร้องไห้ทุกวัน "หนิง ปณิตา" เปิดหมดเปลือกติดลบ 13 ล้านบาท รอวันกลับมาคืนชีพ
14 นาทีที่แล้ว
หมอมนูญ เผยข้อมูลระบาดวิทยา กรกฎาคม 2568 มีไวรัสอะไรระบาดบ้าง?
17 นาทีที่แล้ว
ไขความลับเบื้องหลังดีไซน์ Galaxy Z Fold7 และ Z Flip7 พร้อมเปิดใจทีมผู้สร้างกับความท้าทายบทใหม่
21 นาทีที่แล้ว
TIDLOR กำไร Q2/68 นิวไฮ! พอร์ตสินเชื่อ-ประกัน โตแกร่ง คุม NPL ต่ำ 1.78%
25 นาทีที่แล้ว
วิดีโอแนะนำ
ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ
“สมาคมหมู” ยื่นหนังสือ รมว.เกษตรฯ ค้านเปิดตลาดสหรัฐฯ
สำนักข่าวไทย Online
เช็กทางด่วนฟรี! 12 สิงหาคม เว้นค่าผ่านทาง 3 สาย ฉลองวันแม่แห่งชาติ
คมชัดลึกออนไลน์
วิดีโอ
"เขากระโดง"ที่ดินกว่า 5,000 ไร่ จังหวัดบุรีรัมย์
WeR NEWS
ทัพเรือเฮ! จะได้ "เรือดำน้ำ" ลำแรกจากจีน ตั้งโชว์แบบจำลอง หน้ากองเรือยุทธการสัตหีบ
Khaosod
คปภ.พร้อมให้เอกชนร่วมชดเชยสินไหมทดแทน ชายแดนไทย-กัมพูชา
สำนักข่าวไทย Online
เชียงใหม่-แพทยมช. เปิดตัวหุ่นยนต์ผ่าตัดแห่งแรกในไทย &เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
77kaoded
ธนาคารกรุงเทพ แจ้งปิดระบบโมบายแบงกิ้ง วันอาทิตย์ ที่ 17 สิงหาคม 68 เวลา 02.00 น. – 09.00 น.
News In Thailand
ไวยาวัจกร เผย หลวงพ่ออลงกต เพิ่งรู้ว่าหมอบีส่งมอบเงินไม่ครบ
อีจัน