โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

ศาลพิพากษา คุก 2 สาวกะเหรี่ยง คนละ 6 ปี ลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำ ป่าสงวนอช.ทองผาภูมิ

MATICHON ONLINE

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

ศาลพิพากษา จำคุก 2 สาวกะเหรี่ยง ลักลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำ คนละ 6 ปี ไม่รอลงอาญา สารภาพลดโทษเหลือ 3 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 1 กันยายน ศาลจังหวัดทองผาภูมินัด จ.กาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในคดีหมายเลขดำที่ สวอ24/2568 และคดีหมายเลขแดงที่ สวอ30/2568 กรณีอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวดาวรรณ (ไม่มีนามสกุล) ชาวกะเหรี่ยง (จำเลย) ในข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 โดยพนักงานอัยการอำเภอทองผาภูมิ(โจทก์) และนางสาวดาวรรณ (จำเลย) เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาพร้อมกัน ขณะที่ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เข้าร่วมรับฟังด้วย

นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาว่า นางสาวดาวรรณ (จำเลย) มีความผิดลงโทษจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่จำเลยให้การยอมรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ด้วยการลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา สำหรับของกลาง จำนวน 5 รายการ เป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ และมีไว้เพื่อใช้เป็นสิ่งของอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ ในการกระทำความผิด และได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด และเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ได้มาจากการกระทำความผิด ริบของกลางทั้งหมด และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงิน 9,420 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้กรมอุทยานฯ

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้มีคำพิพากษาตามคดีอาญาคดีหมายเลขดำที่ สวอ25/2568 คดีหมายเลขแดงที่ สวอ28/2568 คดีระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โจทก์ และนางสาวพอวา (ไม่มีนามสกุล ) ชาวกะเหรี่ยง (จำเลย) เรื่องความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ

โดยศาลจังหวัดทองผาภูมิมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ลงโทษจำคุก จำเลย 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา

สำหรับของกลาง จำนวน 5 รายการ เป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้และมีไว้เพื่อใช้เป็นสิ่งของอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการกระทำความผิดและได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด และเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ริบของกลางทั้งหมด และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงิน 9,420 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์

นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค.68 ตนพร้อมด้วยนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ร.ต.ธนโชติ หุ้มแพร ผบ.มว.ลว.ส่วน ลว.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้รับแจ้งว่าพบกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำที่แปลงตรวจยึดเนื้อที่ 14-0-1 ไร่ บริเวณป่าปิล๊อกคี่ หมู่ที่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาช้างเผือก จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ

โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นางสาวดาวรรณ ไม่มีนามสกุล อายุ 30 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง อาศัยอยู่ที่บ้านใหม่ไร่ป้า (ปอสามต้น) หมู่ 3 อ.ทองผาภูมิ พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ของกลางที่มีไว้หรือได้ใช้ในการกระทำผิดจำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย 1. ถุงพลาสติกบรรจุดิน หนัก 0.512 กิโลกรัม 2. ถุงพลาสติกบรรจุดิน หนัก 2.142 กิโลกรัม 3. ไฟฉายคาดหัว จำนวน 1 อัน 4. เปล จำนวน 1 ผืน 5. กระสอบปุ๋ยสีฟ้าสะพายหลัง จำนวน 1 ใบ

และนางพอวา ไม่มีนามสกุล อายุ 31 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง อาศัยอยู่ที่บ้านใหม่ไร่ป้า (ปอสามต้น) หมู่ 3 อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางที่มีไว้หรือได้ใช้ในการกระทำผิด ประกอบด้วย 1. ถุงพลาสติกบรรจุดิน หนัก 1.4 กิโลกรัม 2. กระปุกบรรจุดิน หนัก 0.671 กิโลกรัม 3. มีดพก จำนวน 1 ด้าม 4. ไฟฉายคาดหัว จำนวน 1 อัน 5. เปลนอน จำนวน 2 ผืน และ 6. กระสอบปุ๋ยสีฟ้าสะพายหลัง จำนวน 1 ใบ

หลังจากศาลจังหวัดทองผาภูมิมีคำพิพากษา ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานฯ จากนี้ไปจะรายงานไปยังนาย ชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พิจารณา ยกเลิกหรือเพิกถอนบัตรประชาชน ตามประกาศคำสั่งของจังหวัดกาญจนบุรี ต่อไป

ด้านนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เนื่องด้วยขณะนี้ในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ พบว่ามีกลุ่มบุคคลได้เข้าไปแอบลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในบริเวณพื้นที่ตำบลปิล๊อก ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งส่งผลกระทบ ต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยอำเภอทองผาภูมิ ได้จัดทำประกาศมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาทองคำเพื่อให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ให้บุคลากร ในหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ทราบไปแล้ว นั้น

ที่ผ่านมา อำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ปิล๊อก เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่ 135 รวมถึงผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้อย่างต่อเนื่อง แต่กลับยังมีกลุ่มบุคคลแอบลักลอบเข้าไปชุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำมากยิ่งขึ้น เพื่อหวังผลประโยชน์จากการนำแร่ทองคำออกมาขาย
อำเภอทองผาภูมิได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ไปถึงผู้ประกอบการร้านค้า ร้านของชำ ในพื้นที่บ้านโบอ่อง หมู่ 2 บ้านโพธิ์สามต้น หมู่ 3 บ้านปิล๊อกคี่ และกลุ่มบ้านเกริงแกละ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ เพื่อขอความร่วมมือไม่รับซื้อแร่ทองคำที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด

หากฝ่าฝืนแล้วถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ ผู้ซื้ออาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวิธีการร่อนแร่ หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งและรับแจ้งการร่อนแร่ พ.ศ.2560 ฐาน “การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ หรือการขนแร่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่สามเท่าถึงห้าเท่าของมูลค่าแร่ หรือทั้งจำทั้งปรับ”

หากพบบุคคลที่นำทองคำจากการกระทำความผิดตามกฎหมายมาขายให้ ขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่ นายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภองานป้องกัน ที่หมายเลขโทรศัพท์ 06-39041970

นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าวว่า นอกจากนี้แล้ว อำเภอทองผาภูมิ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีกลุ่มบุคคลทำการขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในเขตพื้นพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำแควน้อย ซึ่งการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านและอำเภอทองผาภูมิ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ดังนั้น อำเภอทองผาภูมิ จึงได้ดำเนินการใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำภายในแม่น้ำแควน้อย พร้อมทั้งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามพระราชบัญญัติระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 ประกอบกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวิธีการร่อนแร่ หลักเกณฑ์ และวิธีการแจ้งและรับแจ้งการร่อนแร่ พ.ศ.2560 ห้ามบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ดังนี้

1.ห้ามมิให้ผู้ใดสำรวจแร่ในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งสำรวจแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใด หรือไม่ เว้นแต่จะได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษ ฝ้าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ห้ามมิให้ผู้ใดทำเหมืองในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งทำเหมืองนั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับประทานบัตร ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.ห้ามมิให้ผู้ใดขุดหาแร่รายย่อย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อยจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นในท้องที่ซึ่งมีการขุดหาแร่รายย่อย ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4.การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการขนแร่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่สามเท่าถึงห้าเท่าของมูลค่าแร่ หรือทั้งจำทั้งปรับ

5.ห้ามยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป้า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 บาท 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.ห้ามเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

7.ห้ามเปลี่ยนแปลงทางน้ำหรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำหัวย หนอง บึง ทะเล ท่วมทัน เหือดแห้ง เน่าเสีย หรือเป็นพิษ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

8.ห้ามปิดกั้นหรือทำให้กีดขวางแก่ทางน้ำหรือทางบก ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

9.ห้ามยิงปืน ทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดดอกไม้เพลิง ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

10.ห้ามทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ ฝ้าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ 11.ห้ามกระทำให้หลักเขตหรือเครื่องหมายแสดงแนวเขต ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เคลื่อนที่ ลบเลือน เสียหาย สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ ต้องระวางโทษตามกฎหมายหนด” นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศาลพิพากษา คุก 2 สาวกะเหรี่ยง คนละ 6 ปี ลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำ ป่าสงวนอช.ทองผาภูมิ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...