‘โบกี้ไลอ้อน’ ชิมลางเล่นหนังผีครั้งแรก เผยสิ่งลี้ลับที่สัมผัสได้
ขอพลิกบทบาทจากนักร้องสู่นักแสดงครั้งแรกอย่างเต็มตัว สำหรับ “โบกี้ ไลอ้อน” ที่ขอวางไมค์มาชิมลางผลงานการแสดงกับภาพยนตร์เรื่อง “ข้างบ้าน” โดยล่าสุดในงานทำบุญเปิดกล้อง ส่งต่อบุญ ภาพยนตร์เรื่องแรกจากโปรเจ็กต์ “Ghost Light” นักร้องสาวลั่น เป็นคนกลัวผี แต่ลองเล่นหนังผีครั้งแรก แถมเจ้าตัวยังมีเซ้นส์เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ โดยเธอเผยว่า
“เล่นหนังเต็มตัวครั้งแรก ตื่นเต้นมากเลยค่ะ ปกติเป็นพี่นักร้อง วันนี้มาลองเป็นนักแสดง เรียกได้ว่าต้องสลัดคราบตัวเองออกไป อยากเป็นตัวเองมาก เป็นคนอื่นบ้างจะได้ดีขึ้นหน่อย(ยิ้ม) เราต้องอินกับบทบาทที่ได้รับ ฉะนั้น อาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมและทำการบ้านหนักขึ้นสองเท่า เพราะเราไม่มีประสบการณ์ทางการแสดงเท่าไหร่
สำหรับความท้าทายของบทนี้ ภาพยนตร์เรื่อง “ข้างบ้าน” ต้องบอกว่าท้าทายทุกอย่างเลยค่ะ ท้าทายตั้งแต่ต้องตื่นเช้าแล้ว บางวันเรามีงานร้องเพลงแล้วอาจจะไม่ได้นอน เราก็ต้องหาวิธียังไงก็ได้ให้ตัวเองได้พักผ่อนให้เพียงพอภายในหนึ่งชั่วโมง ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าต้องลดงานร้องเพลง เพราะตอนนี้ยังโอเคอยู่ เราต้องโฟกัสทั้งคู่ให้ได้ งานเพลงก็ยังตั้งใจทำเหมือนเดิม ส่วนงานหนังก็เป็นสิ่งใหม่ที่เราอยากทำ ดังนั้นเราก็พยายามเตรียมร่างกายให้พร้อมโดยการออกกำลังกายให้มากขึ้น เอาจริงๆ เรื่องการแสดงไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ เพราะมั่นใจว่าทีมงานจะติวเราเข้มแน่นอน แต่ว่าเรื่องเส้นเสียงก็เป็นเรื่องสุขภาพที่ห้ามไม่ได้ บางทีอาจจะมีแหบบ้างก็จะพยายามดูแลให้ดีที่สุด”
นักร้องสาว เล่าต่อว่า “การเล่นหนังต้องมีเรื่องของ Continue ความที่เราชอบทำสวย ถามว่ากลัวว่าจะกระทบไหม ศัลยกรรมอ่ะเหรอ ตอนนี้ทุกคนห้ามแล้วนะคะ แต่ปกติที่เราไปบ่อยๆ แล้วช้ำบวมกลับมา ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นการผ่า แต่จะเป็นการฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า แต่ช่วงถ่ายหนังก็คือต้องลดละเลิกไว้ก่อน แล้วจริงๆ ครั้งสุดท้ายที่ทำก็คือสองสามปีที่แล้วที่ไปทำตา หลังจากนั้นก็ไม่ทำอะไรอีกเลย ถามว่าตอนนี้แฮปปี้กับใบหน้านี้ไหม ไม่ค่ะ สิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์คือการพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ว่าจะสวยหรือไม่สวย แค่เราส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าชอบตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้เรามีความสุขได้ในแต่ละวันแล้ว แต่ที่พูดมาทั้งหมดโบกี้ยังทำไม่ได้นะคะ ส่องกระจกแล้วอยากให้หน้าผากแคบลง ทั้งที่คนรอบข้างบอกว่าพอใจในตัวเราแล้ว เราต้องเลิก
อย่างเวลามีคนชมว่าเราสวย อย่างแรกเลยคือเราไม่เชื่อค่ะ การที่เราทำทุกอย่างเพราะว่าเราอยากสวยค่ะ ไหนจะแต่งรูปที่มันเกินความจริง เรายอมรับว่าเราเป็นคนที่เสพติดความสวยเพราะเราไม่เคยสวยมาก่อน ไม่ได้หมายถึงเสพติดศัลยกรรมนะคะ แต่เสพติดความเกินจริงของ AI คือ AI บางคนที่เขาว่าวาดตาเกินๆ หรือตีกระบังใหญ่ๆ บนหัวเพื่อให้หัวดูมีพื้นที่สื่อมากขึ้น คือเป็นอะไรที่เราชอบ แต่คนอื่นอาจจะไม่ชอบ แต่จริงๆ แล้วเป็นความสวยส่วนบุคคลที่อาจจะไม่มีใครเข้าใจ สวยในแบบของเราถ้าเราเห็นแล้วมีความสุขแค่นั้นพอค่ะ“
โบกี้ เผยต่อว่า ”ถามถึงเรื่องพอต้องมาเล่นหนังผี แล้วเรามีเซ้นส์ กลัวว่าจะเจออะไรไหม คือหนูแค่ภาวนาขอให้เรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องจริง แต่ “พี่แจ็ค The Ghost ”คอนเฟิร์มแล้วว่าเป็นเรื่องจริง 100% ยอมรับว่ากลัวเหมือนกันว่าจะเห็นอะไร พยายามทำตัวเองให้จิตแข็งที่สุดเพื่อจะได้ไม่มีอะไรให้นึกถึง จริงๆ เราเป็นคนกลัวผีมาตั้งแต่เด็กแล้ว กลัวมากจนเราพยายามต่อต้านและไม่นึกว่าสิ่งนี้มีจริง จนมีจุดเปลี่ยนหลายอย่างในชีวิตที่โตขึ้นมาแล้วทำให้เรารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สิ่งที่เราเห็นมันคือความเป็นจริง ไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างขึ้นมา ทำให้เราค่อนข้างรู้ตัวขึ้นไปเรื่อยๆ ว่า เราอาจจะได้รับรู้อะไรจากมิติอื่นๆ ที่คนอื่นอาจจะไม่ได้มีสิทธิ์รับรู้
เซ้นส์ของเราที่ว่ามาในรูปแบบที่เห็นเลยค่ะ ถ้าเยอะสุดเลยคือฝันแต่เป็นฝันที่รีเลตกับความเป็นจริง คืออาจจะเห็นเหตุการณ์ไม่ค่อยดีเฉพาะหน้าในฝันก่อน แล้วค่อยมาเกิดในชีวิตจริง แล้วเป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยมาก จนทีมงานบอกว่าไม่ต้องเห็นแล้วนะ หนักสุดคือฝันเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเกิดแก่เจ็บตายของคนเลย ตื่นมาก็ตกใจว่าฝันแย่มากเลย แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็มีการเสียชีวิตขึ้นจริงๆ เราก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงต้องเป็นเราด้วยที่มีเซ้นส์อะไรแบบนี้ อย่างบางคนที่เขามีวิญญาณตาม คนที่จะเห็นก็ต้องเป็นเราเสมอ แต่ปกติจะไม่ค่อยเล่าให้ใครฟังเพราะมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เราเองก็พยายามที่จะไม่เชื่อมาตลอด จนเห็นบ่อยๆ ก็ต้องยอมรับว่าเราเห็นแหละ
เคยมีพระหรือหมอดูมาทักไหมว่าเราเป็นคนที่มีเซ้นส์ขนาดนี้ คือมีคนทักตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ แต่เราเองเป็นคนชอบเรื่องโหราศาสตร์ดูดวงอยู่แล้ว เลยมีการเรียนดูดวงด้วย ส่วนการดูดวงเคยมีคนเข้ามาถามไหม จริงๆ จะเป็นคนใกล้ตัวค่ะ คนที่ถามบ่อยที่สุดคือ ”The Toys“ เขาจะชอบมาดูดวง ปกติเราจะดูให้กับคนที่ใกล้ตัวเราเท่านั้น เพราะเราไม่ได้ทำอาชีพนี้ เราแค่ดูเล่นๆ แต่จะมีชื่อในวงการลับๆ ว่า “บัวคลี่หมอเดา” เหมือนเราเดาไปเฉยๆ เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ดันมีหลายเรื่องที่ตรงกับ The Toys แล้วตอนนี้กลายเป็นคนในวงการดนตรีรู้หมดแล้วว่าเราดูดวงเพราะว่าทอยไปโม้ ส่วนใหญ่เรื่องที่เขาชอบถามมีเรื่องเดียวคือจะรวยไหม จนเราต้องบอกว่าจะรวยอะไรอีกที่เป็นอยู่ดีแล้ว”