โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“วิทัย” ผู้ว่าธปท.คนใหม่ ลุ้นลดดอกเบี้ย 2 รอบ

หุ้นวิชั่น

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้น

หุ้นวิชั่น-ครม. มีมติ ตั้งนายวิทัย รัตนากร นั่งแท่น ผู้ว่าการธปท. ซึ่งก่อนหน้าเป็นผู้มีผลงานสำคัญในการขับเคลื่อนธนาคารออมสิน ในฐานะ ผู้อำนวยการ ธนาคาร มีผล 1 ตุลาคม 2568 ด้วยวิสัยทัศน์ "ธปท. ต้องเป็นอิสระ แต่ไม่โดดเดี่ยว" นักวิเคราะห์ลุ้นโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยปลายปีอาจลดลงไปที่ระดับ 1.25% หนุนหุ้นกลุ่มการเงิน อสังหาฯ ส่งออก นิคมอุตสาหกรรม รับอานิสงส์

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้พิจารณาเสนอแต่งตั้งนายวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงินธนาคาร และมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมาย ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติ

ดังนั้น จึงเห็นควร เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และหากไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น ให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้ขอให้สำนักงานองคมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ

ด้านบล.ฟิลลิปฯ ระบุ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คือ นายวิทัย รัตนากร ซึ่งเป็นผู้มีผลงานสำคัญในการขับเคลื่อนธนาคารออมสิน ในฐานะ ผู้อำนวยการ ธนาคาร โดยเน้นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราต่ำ และ ผลักดันความช่วยเหลือธุรธุรกิจ SMEs ในระบบมากขึ้น

"ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเป็นอิสระ แต่ไม่โดดเดี่ยว" คือ วิสัยทัศน์ที่คุณวิทัย แสดงซึ่งบทบาทจะเปลี่ยนไปจากในอดีตที่เน้นความเป็นอิสระเพื่อให้มีความเป็นกลางในการดำเนินนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดีธปท. ยังต้องดำรงไว้ซึ่งเป้าหมายในระยะยาว และ มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยนโยบายทางการเงินเพียง อย่างเดียว โดยเน้นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ กระทรวงการคลัง BOI กระทรวงพาณิชย์ และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

มุมมองต่อท่าทีในอนาคตของธปท.

อิสระที่ไม่โดดเดี่ยว กลายเป็นโจทย์ใหม่ที่น่าสนใจ เนื่องจากธปท.โดยปกติแล้วมีหน้าที่ หลัก คือ รักษาเสถียรภาพทางการเงิน กำกับดูแลสถาบันการเงิน รักษาเสถียรภาพ อัตราแลกเปลี่ยน และ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน/คลังให้รัฐบาล ซึ่งการประกาศความต้องการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ เป็นหนึ่งใน Big Move สวนทางกับท่าที ของ ธปท.ในอดีต เนื่องจากโดยปกติ นโยบายการเงิน และ การคลังมักมีไทม์ไลน์ที่ต่างกัน โดยนโยบายการเงินจะเน้นเสถียรภาพในระยะยาวเป็นหลัก ขณะที่นโยบายการ คลังจะเน้นสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจใบระยะสั้น และ กลาง ควบคู่กับการวางแผน ระยะยาว การมองไทม์ไลน์ให้สอดคล้องกันมากขึ้นนับเป็นมิติใหม่ของทิศทางการ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ขับเคลื่อนนโยบายการเงิน

ทางฝ่ายมองการส่งสัญญาณว่าธปท.จะดำเนินงานร่วนร่วมกับกระกรวงการคลัง เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้เห็นภาพนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากโจทย์ใหญ่ของกระกรวงการคลังในปัจจุบัน คือ เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวที่ช้าหลัง COVID-19 โดยถูกซ้ำเติมจากประเด็นกำแพงภาษี และ การท่องเกี่ยวชะลอตัว ทำให้อาจเห็นนโยบายแบบสอดคล้องมากขึ้น คือ สองแรงแข็งขันช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจ ทั้งการเงิน/การคลัง ทำให้อาจคาดหวังการเบนทิศทางนโยบายการเงินไปในเชิงผ่อนคลาย เนื่องจากหากต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดการะให้ระบบเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่รมต.กระทรวงการคลังเรียกร้องมาโดยตลอด จึงเป็นไปได้ที่อาจเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยปลายปีอาจลดลงไปที่ระดับ 1.25%

กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดรับประโยชน์

1) กลุ่มการเงิน: หนึ่งในหุ้นที่รับประโยชน์โดยตรงหากดอกเบี้ยปรับตัวลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเงินทุนที่ยืนมาปล่อยกู้ เป็นบวกต่อกำไรสุทธิของบริษัท ทางฝ่ายมอง MTC และ KTC เป็น Top Pick

2) กลุ่มอสังหา: อีกอุตสาหกรรมที่รับประโยชน์จากการที่ต้นทุนการกู้ยืมเพื่ออสังหา ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดลดลงตามทิศทาง ดอกเบี้ยนโยบาย ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้อสังหาริมทรัพย์ มองหุ้น Top Pick เป็น AP SPALI และ SIRI

3) กลุ่มที่มีหนี้สูง: การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะช่วยลดต้นทุนให้บริษัทที่มีปริมาณหนี้สูง ผ่านการลดลงของดอกเบี้ย Floating Debt และ เปิดโอกาสในการทำ Refinancing ของบริษัท ปัจจุบันหุ้นที่มีหนี้สูง ได้แก่ BTS BEM CRC BGRIM GULF และ TRUE

4) หุ้นบาทอ่อน/ส่งออกสินค้าและบริการ: ทิศทางดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับลดลง จะลดผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในประเทศนั้นๆ และมีโอกาสกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง เปิดโอกาสให้หุ้นที่พึ่งพิงการส่งออกจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทางฝ่ายมอง HANA DELTA KCE AOT CENTEL และ MINT

5) นิคมอุตสาหกรรม : ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง จะช่วยลดต้นทุนการเงินของภาคธุรกิจ เป็นบวกต่อภาพการลงทุนในระยะถัดไป ทางฝ้ายมอง WHA AMATA และ WHAIR เป็น Top Pick

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก หุ้นวิชั่น

ส่องหนี้เสีย 11 แบงก์ ใครเสี่ยง?

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

[Vision Exclusive] SNNP ชูหมัดเด็ด! อัดแคมเปญจัดหนัก

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

เส้นทาง "ปลา iBerry" จากไอศกรีมโฮมเมด สู่ 'อาณาจักรร้านอาหาร' พันล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

ครม.รับทราบรายงานศึกษาญัตติ แก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ

VoiceTV

Broker ranking 22 Jul 2025

Manager Online

โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสิทธิประโยชน์ เปิดตัวบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน

Manager Online

“วอลล์สตรีท-KTC” เจาะ 3.5 ล้านบัญชี รุกแฟรนไชส์รับตลาดEdTech 7 พันล.

Manager Online

เผยเทรนด์มูเตลู ที่พึ่งคนไทย ยุควิกฤต “ศก.-สังคม”

Manager Online

CIMB Group ขับเคลื่อนพันธกิจ ‘Advancing Customers and Society’ เชื่อ ASEAN มีศักยภาพ

Manager Online

ศุลกากรจับใหญ่ สุรชาติ นำแถลงจับสินค้าผิดกฎหมายกว่า 88 ล้าน

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

ส่องหนี้เสีย 11 แบงก์ ใครเสี่ยง?

หุ้นวิชั่น

[Vision Exclusive] SNNP ชูหมัดเด็ด! อัดแคมเปญจัดหนัก

หุ้นวิชั่น

CIVIL คว้างานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4046 มูลค่ารวม 648.17 ลบ.

หุ้นวิชั่น
ดูเพิ่ม
Loading...