ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคมิ.ย.68 ลด จากนโยบายภาษีสหรัฐ -หนี้ครัวเรือนและการเมืองในประเทศ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,652 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ระดับ 46.7 อยู่ต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่น ปรับลดลงจากระดับ 48.9 ในเดือนพฤษภาคม 2568 โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงมาจาก
-ความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาและความตึงเครียดของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง สถานการณ์ระหว่างไทย - กัมพูชา อาจส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนและสถานการณ์การเมืองในประเทศ
-การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
-ราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการปรับลดลง ตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากกว่าปีก่อน ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร
-ระดับหนี้ของครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50.35 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็นร้อยละ 13.68 การเมือง คิดเป็นร้อยละ 8.79 เศรษฐกิจโลก คิดเป็นร้อยละ 8.35 สังคม/ความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 7.87 ราคาสินค้าเกษตร คิดเป็นร้อยละ 6.23 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นร้อยละ 2.43 ภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็นร้อยละ 1.47 อื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.83 ตามลำดับ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น1 ภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.4 ขณะที่ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 47.1 ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 45.5 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 45.1 และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 43.6 ซึ่งปรับลดลงเล็กน้อย จากเดือนก่อนหน้าและไม่อยู่ในช่วงความเชื่อมั่น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มีเพียง 1 กลุ่มอาชีพ ที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น คือ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 50.2 อีก6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยนักศึกษา อยู่ที่ระดับ 48.6 ผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 47.6 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 46.7 พนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 45.9 ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 44.9 และอาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 44.4 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 31.6
กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมภาคการค้าและภาคการผลิตทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการเร่งระบายผลไม้ ภาคตะวันออกช่วงปลายฤดูกาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนำเข้าของประเทศเพื่อนบ้าน และยังได้กำกับดูแลการนำเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพต่ำอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ ในขณะเดียวกัน ยังได้ผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดต่างประเทศผ่านการจัดแสดงในงานระดับนานาชาติ รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
#ด้ชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
#สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า