อดีตพระเทพพัชราภรณ์ ยอมรับผิดพลาดครั้งใหญ่โอนเงิน 12.8 ล้าน ให้สีกา ก. อ้างอ่อนต่อโลก
ที่วัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่เพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดพร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ ในฐานะพยานนานเกือบ 3 ชั่วโมง
ภายหลังการสอบปากคำ พันตำรวจโทสิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่าขณะนี้อดีตเจ้าอาวาสลาสิกขาเรียบร้อยแล้ว เต็มใจจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินเบื้องต้นกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) อยุ่ระหว่างตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นคือวัดตรีทศเทพมา และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดชูจิตฯ เป็นเส้นทางการเงินที่ตรวจพบมากที่สุดจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ที่ได้มาจากการทำกิจนิมนต์และจากการสอนหนังสือ เก็บสะสมเป็นเงินส่วนตัว ก่อนโอนไปให้สีกา ก. รวม 12.8 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ยังไม่รวมอีก 3.8 แสนบาท ที่เป็นเงินจากบัญชีวัดโอนไปให้สีกา ก. มีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกา ก. ถึง 10 ล้านบาท ซึ่งจากการกระทำของอดีตเจ้าอาวาสฯ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดมาตรา 157
ส่วนสีกา ก. เริ่มเข้าหาอดีตเจ้าอาวาสฯ โดยเดินทางมาพบด้วยตนเองที่วัดโดยอ้างตัวเป็นไฮโซและแอบอ้างพระผู้ใหญ่ ทำให้อดีตเจ้าอาวาสฯ เชื่อใจและหลงเชื่อโดยยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” และ “เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่” ส่วนเงินที่สีกา ก. ยืมจากอดีตเจ้าอาวาสฯ อ้างว่าขอยืมไปทำธุรกิจเซรามิกโดยไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็ได้ทวงถามเรื่อยมาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จนมีข่าวอดีตเจ้าคุณอาชว์ วัดตรีทศเทพ ตกเป็นข่าว จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก
ส่วนการทำธุรกรรมจากบัญชีวัด จากการตรวจสอบพบว่าวัดนี้ไม่มีไวยาวัจกรและคณะกรรมการวัด ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกับวัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร
ส่วนความสัมพันธ์เชิงชู้สาว อดีตเจ้าอาวาสฯ และสีกา ก. ยืนยันตรงกันว่า ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว และไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นรูปภาพและคลิปวิดีโอในลักษณะถูกแบล็กเมล์ ส่วนเรื่องเงินที่ยืมจากอดีตเจ้าอาวาสฯ กว่า 10 ล้านบาทสีกา ก. ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจออกหมายจับอดีตเจ้าอาวาสฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งทุกอย่างจะต้องนำไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนโดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่โอนไปให้สีกา ก. หลังจากนี้พนักงานสอบสวนอาจพิจารณาเรียกตัวอดีตเจ้าอาวาสฯ และสีกา ก. มาให้ปากคำเพิ่มเติม
ด้าน พันตำรวจเอกวนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ยืนยันว่ากรณีนี้มีความผิดชัดเจน เนื่องจากพบว่ามีเงินจากบัญชีวัดโอนให้สีกา ก. 3.8 แสนบาท หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าวโอนจากบัญชีส่วนตัวไปบัญชีวัดและโอนต่อไปบัญชีสีกา ก. หรือไม่ หรือโอนจากบัญชีวัดโดยตรง ซึ่งหากเป็นลักษณะดังกล่าวถือว่ามีความผิดชัดเจน ส่วนจะทยอนโอนหรือโอนครั้งเดียวหลังจากนี้จะไปตรวจสอบเพิ่มเติมเพราะถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ
และในระหว่างเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านหน้า เจ้าหน้าที่ ปปป. ควบคุมตัวอดีตเจ้าอาวาสฯ ออกไปด้านหลังศาลาหอฉัน โดยสวมชุดสีขาวเดินขึ้นรถไปพร้อมเจ้าหน้าที่