โพลชี้คนอุตสาหกรรมเปิดใจพรรคเล็ก-ตั้งใหม่ "ดร.เอ้" เด่นการศึกษา "เอกสิทธิ์" เศรษฐกิจใหม่ "หมอวรงค์-สุดารัตน์" ต้านโกง และสุขภาพ
โพลชี้คนอุตสาหกรรมเปิดใจพรรคเล็ก-ตั้งใหม่ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ เด่นการศึกษา ด้านอาร์ท เอกสิทธิ์ สร้างงานอาชีพ เทคโนฯ เศรษฐกิจใหม่ หมอวรงค์ ต้านโกง ขณะที่สุดารัตน์ สุขภาพ
ในห้วงเวลาที่การเมืองไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งในเชิงโครงสร้างและระบบ การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ เสียงของประชาชนคือปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ในฐานะนักวิชาการผู้ติดตามพลวัตการเมืองไทยมาโดยตลอด จึงแถลงผลการศึกษาสะท้อน "เสียงของประชาชน" คนเขตอุตสาหกรรมต่อการเมืองไทยในมิติที่หลายท่านอาจยังไม่เคยเห็นชัดเช่นนี้มาก่อน
นั่นคือ “ความคาดหวังและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหัวหน้าพรรคการเมืองตั้งใหม่ และพรรคเล็ก” ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญของการเมืองประชาธิปไตยในยุคใหม่ การสำรวจครั้งนี้ ดำเนินการระหว่างวันที่ 9 – 12 กรกฎาคม 2568 โดยใช้ทั้งวิธีวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพในเขตอุตสาหกรรม จำนวน 1,275 คน ผลโพลชุดนี้ ไม่เพียงสะท้อนภาพความคิดของประชาชนต่อพรรคการเมืองหน้าใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นพลังสะท้อนของความหวัง ความคาดหวัง และทิศทางการเมืองในอนาคตของประเทศไทย
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามว่าประชาชนต้องการให้พรรคใหม่หรือพรรคเล็ก มุ่งเน้นนโยบายใดเป็นพิเศษ พบว่า อันดับ 1 ได้แก่ เศรษฐกิจ – สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มเงินในกระเป๋า 61.4% อันดับ 2 ได้แก่ การศึกษา – ปรับระบบการเรียนให้ทำงานได้จริง 46.8% อันดับ 3 ได้แก่ ความมั่นคงของชาติ ปลอดอาชญากรรม 36.2% อันดับ 4 ได้แก่ สุขภาพและสวัสดิการ 33.2% และอันดับ 5 ได้แก่ ปฏิรูปการเมือง 30.8% นี่คือภาพสะท้อนความต้องการของประชาชนที่ไม่ใช่เพียงนามธรรม แต่คือความต้องการ “การเมืองที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง”
นอกจากนี้ ประชาชนต้องการหัวหน้าพรรคที่มีคุณลักษณะสำคัญได้แก่ เข้าใจและสร้างโอกาสเศรษฐกิจชุมชนและแรงงาน 47.5% มีผลงานจริง ไม่ใช่แค่คำพูด 45.4% ใช้เทคโนโลยีช่วยประชาชนหารายได้ 39.3% ใกล้ชิดประชาชน ลงพื้นที่สม่ำเสมอ 31.3% และไม่เชื่อมโยงกับอำนาจเก่า 27.8% สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนจึงไม่ได้เลือกผู้นำจากชื่อเสียง หรือคำสัญญา แต่เลือกจากความสามารถลงมือทำ และ ความใกล้ชิดที่สัมผัสได้จริง
ที่น่าสนใจคือ ศักยภาพของหัวหน้าพรรคการเมืองตั้งใหม่และพรรคเล็ก สะท้อนความเชื่อมั่นเฉพาะทางที่แตกต่างอย่างมีพลัง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ปรากฏชัดจากการสำรวจโดยสำนักวิจัยซูเปอร์โพลนี้ คือ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหัวหน้าพรรคการเมืองตั้งใหม่และพรรคเล็กในประเด็นเฉพาะทาง ซึ่งเผยให้เห็นว่า ผู้นำแต่ละคนมีภาพลักษณ์และจุดแข็งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเชิงนโยบาย ความสามารถ และการยอมรับจากประชาชนในวงกว้าง
1. ความโปร่งใสและการต่อต้านคอร์รัปชัน ได้แก่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (ไทยภักดี)
หัวหน้าพรรคไทยภักดีได้รับความเชื่อมั่นสูงที่สุดในด้าน “การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน” ด้วยคะแนนสูงถึง 44.5% ซึ่งนำโด่งเหนือผู้สมัครรายอื่นอย่างชัดเจน ความนิยมในด้านนี้สะท้อนภาพลักษณ์ของ นพ.วรงค์ ในฐานะนักการเมืองที่ประชาชนเชื่อมั่นว่า “ซื่อสัตย์ กล้าพูด กล้าทำ และพร้อมทลายระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึกในการเมืองไทย”
2. การศึกษาและการพัฒนาคน ได้แก่ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ไทยก้าวใหม่)
ในด้าน “การศึกษา” ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน ดร.สุชัชวีร์ ได้รับคะแนนนำสูงถึง 48.8% แสดงถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ของเขาในการยกระดับระบบการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่แสดงถึงภาพลักษณ์ของผู้นำยุคใหม่ที่รอบรู้ในหลายมิติและมีศักยภาพต่อการขับเคลื่อนนโยบายบูรณาการ
3. เทคโนโลยี เศรษฐกิจยุคใหม่ และโอกาสทางรายได้ ได้แก่ นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล (ปวงชนไทย)
นายเอกสิทธิ์ ได้รับการยอมรับอย่างโดดเด่นใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่“สร้างงาน เพิ่มรายได้” 41.9% “เทคโนโลยี พลังงานสะอาด” 45.1% “เศรษฐกิจยุคใหม่” 46.4% สามประเด็นนี้ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนว่า นายเอกสิทธิ์ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ที่สามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีสีเขียว และการสร้างโอกาสใหม่ในยุค AI และอุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างแท้จริง
4. สุขภาพและสวัสดิการ ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (ไทยสร้างไทย)
ในประเด็น “สุขภาพและสวัสดิการ” ซึ่งเป็นหัวใจของนโยบายรัฐสวัสดิการที่เท่าเทียมและเข้าถึงได้สำหรับทุกคนในสังคม คุณหญิงสุดารัตน์ ได้รับคะแนนสูงสุดถึง 42.6% ทิ้งห่างผู้ท้าชิงอย่างชัดเจน แม้คะแนนในประเด็นอื่นของคุณหญิงสุดารัตน์จะอยู่ในระดับกลางในเรื่องอื่น ๆ เช่น ปฏิรูปการเมือง การศึกษา เทคโนโลยี และ เศรษฐกิจยุคใหม่ แต่จุดแข็งในเรื่องสุขภาพและสวัสดิการ ทำให้เธอเป็นสัญลักษณ์ของการเมืองที่เน้นความเท่าเทียมและการดูแลกลุ่มเปราะบางในสังคม
“อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ ประชาชนจำนวนมาก “เปิดใจ” ให้พรรคเปิดตัวใหม่และพรรคเล็ก เพราะให้โอกาสมากถึงมากที่สุด 65.2% ระดับปานกลาง 25.4% ในขณะที่ ไม่ให้โอกาส หรือให้โอกาสน้อย 9.4% แสดงให้เห็นว่ามากกว่า 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เปิดใจ “ให้โอกาส” พรรคการเมืองตั้งใหม่และพรรคเล็กในการเข้ามาเป็นทางเลือกทางการเมืองอย่างจริงจัง และพร้อมสนับสนุนหากเห็นว่าเป็นพรรคที่มุ่งมั่น ทำงานจริง และเชื่อมโยงกับปัญหาของประชาชนอย่างใกล้ชิด” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวสรุปปิดท้ายว่า “คนเขตอุตสาหกรรมสะท้อนมุมมองให้เห็นว่า ความแตกต่างของผู้นำทางการเมือง มิใช่อุปสรรคของความเป็นเอกภาพ แต่คือทรัพยากรของการเมืองที่ดี” เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเสริมจุดแข็งของกันและกัน แทนที่จะลบจุดแข็งของผู้อื่น การเมืองจะเป็นเครื่องมือของการสร้างชาติ ไม่ใช่เวทีของการแบ่งแยกแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์พวกพ้องส่วนตัว
นอกจากนี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ที่น่าพิจารณาคือ พรรคการเมืองเปิดตัวใหม่ใหม่และพรรคเล็กควรออกแบบนโยบายเศรษฐกิจที่เข้าถึงประชาชนจริงในระดับชุมชน เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การเข้าถึงแหล่งทุน และการสนับสนุนอาชีพอิสระ นอกจากนี้ ระบบการศึกษาควรถูกออกแบบใหม่โดยมีภาคเอกชนและตลาดแรงงานร่วมกำหนดเป้าหมาย และเร่งพัฒนาโมเดล “สวัสดิการเชิงรุก” ที่มุ่งสร้างโอกาส ไม่ใช่แค่เยียวยา ในขณะที่ การปฏิรูปการเมืองควรเริ่มจากกติกาที่โปร่งใส และระบบการตรวจสอบที่ประชาชนมีส่วนร่วมได้จริง
“หากพรรคการเมืองคือประตูแห่งอนาคต ประชาชนก็คือกุญแจสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลง” ผลโพลนี้จึงมิใช่เพียงภาพสะท้อนความคาดหวัง หากแต่เป็นแผนที่นำทางการเมืองไทยสู่ความมั่นคงที่เกิดจากประชาชน…โดยประชาชน…เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง