โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ไทยเมินใช้สื่อโซเชียลโต้กัมพูชา ย้ำแจงประชาคมโลกผ่านช่องทางทางการ

เดลินิวส์

อัพเดต 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.06 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘มาริษ’ เมินตอบโต้กัมพูชาผ่านสื่อโซเชียล ย้ำไทยแจงประชาคมโลกผ่านช่องทางทางการ ขอประชาชนมั่นใจรัฐบาลปกป้องอธิปไตยแน่นอน ด้านอธิบดีสนธิสัญญาฯ ยันเอ็มโอยูปี 43 ยังเป็นกลไกทวิภาคีที่ยังใช้ได้

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ความตึงเครียดลดลงในระดับหนึ่ง ไม่มีการปะทะกัน แต่มีบ้างจากการคงกำลัง และอาวุธบริเวณชายแดน ทั้งนี้รัฐบาลไทยอยากเห็นการปรับลดกำลังในแนวต่างๆ ให้กลับไปอยู่ในช่วงที่ไทยและกัมพูชา มีความสัมพันธ์กันอย่างปกติในช่วงปี 2567 เนื่องจาก รัฐบาลไทยกังวลถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

นายมาริษ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศนั้น มีบทบาททางการ การสื่อสารต่าง ๆ จะต้องใช้ช่องทางทางการ หรือช่องทางการทูตในการเจรจา หากไปติดตามจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ โอกาสที่จะมีความไม่เข้าใจกัน ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงจะต้องพูดคุยในช่องทางทางการกับฝ่ายกัมพูชา พร้อมยอมรับว่า ปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีบทบาทมาก และมีหลายมุมมองซึ่งอาจจะถูกต้องบ้าง หรือผิดบ้าง แต่กระทรวงการต่างประเทศมีความเข้าใจ และมอบหมายว่าใครจะออกมาตอบโต้ประเด็นใด หรือถ้าเป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการทูต ก็อาจจะต้องให้หน่วยงานอื่นเป็นผู้ดำเนินการ ตนขอย้ำว่าประเทศไทยและรัฐบาลไทยไม่ต้องการตอบโต้ฝ่ายใดผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะไม่ใช่ช่องทางทางการ และจะชี้แจงผ่านช่องทางทางการเท่านั้น และขอให้ใช้วิจารณญาณด้วยว่า เมื่อมีการพูด หรือสื่อสารไปแล้ว จะเกิดผลกระทบอย่างไร ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบและจริยธรรมของแต่ละคน

ส่วนฝ่ายไทยสื่อสารกับเวทีโลกน้อย จนทำให้ไทยดูเป็นรองในหลาย ๆ เรื่องหรือไม่นั้น นายมาริษ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งตนและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้สื่อสารกับประชาคมโลก สังคมไทย และทุกฝ่ายในช่องทางการทูตมาอย่างต่อเนื่องกับนานาประเทศ ถึงจุดยืน ความประสงค์ และความถูกต้อง ตามที่ประเทศทั้งสอง มีพันธกรณีที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาโดยการเจรจาสองฝ่าย จึงเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความสำคัญกับการเจรจาในกรอบทวิภาคีโดยเร็วต่อไป แต่การใช้โซเชียลมีเดียเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ถ้าเกิดผลกระทบ ก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้น และต้องพิจารณาว่า จะต้องตอบโต้ในขั้นใด รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องรักษาช่องทางทางการ และเลือกประเด็นการตอบโต้ เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการเจรจาในอนาคต

นายมาริษ ยังกล่าวถึงการเจรจาเส้นเขตแดนว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่มีใครต้องการให้ประเทศสูญเสียอธิปไตย จึงเป็นการยาก และต้องใช้เวลาในการถกเถียง พร้อมตอกย้ำและยืนยันว่า ไทยจะปกป้องอธิปไตยแน่นอน จึงขอให้สังคมมั่นใจ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จะต้องหลีกเลี่ยงการเกิดความสูญเสีย และทำให้ประชาชนบริเวณชายแดนได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ และสงบสุข หลีกเลี่ยงผลกระทบจากความตึงเครียด

ส่วนกรณีที่ฝ่ายกัมพูชายังพยายามนำข้อพิพาทพื้นที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกนั้น นายมาริษ กล่าวว่า ประเทศไทยและหลายๆประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศมหาอำนาจไม่ได้รับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ดังนั้น ศาลโลกจึงไม่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องนี้และด้านอื่น ๆ อย่างแน่นอน ตนจึงไม่ได้กังวลใดๆ แต่กระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามเพื่อเตรียมความพร้อม พร้อมย้ำว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จในการวางกรอบการทำงานด้านเทคนิคของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย ในการจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลไกทวิภาคียังสามารถทำงานต่อไปได้ และสร้างความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเขตแดน

นายมาริษ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ผู้นำกัมพูชากล่าวในลักษณะเรียกร้อง และอยากจะเห็นการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลไทยนั้น การแสดงความเห็นของผู้นำกัมพูชาในเรื่องนี้ ที่กระทำผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ มีเนื้อหาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎบัตรอาเซียน กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ตนจึงสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศมุ่งสื่อสารกับประชาคมโลกในช่องทางที่เหมาะสม ถึงการกระทำดังกล่าวที่ไม่ถูกต้อง และไม่ปรารถนาให้ตอบโต้กันในสื่อสังคมออนไลน์ เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาระหว่างกัน

ด้าน นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีที่มีผู้วิจารณ์เอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2543 ทำให้ไทยเสียเปรียบในการเจรจา เสี่ยงเสียดินแดนและอธิปไตย ว่าเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2543 ยังเป็นกลไกทวิภาคีที่ยังได้ใช้ และเป็นพันธกรณีต่อทั้ง 2 ฝ่าย ที่ต้องดำเนินการ เนื่องจาก เป็นสนธิสัญญาอย่างหนึ่ง ที่ทำขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งคู่สัญญาจะต้องปฏิบัติตามที่สัญญาไว้ และย้ำว่า ในเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2543 กำหนดให้มีคณะกรรมาธิการเจบีซีไทย-กัมพูชา ซึ่งเจบีซีสามารถกำหนดประเด็นเร่งด่วนในการเจรจาได้ และหากฝ่ายกัมพูชาเห็นว่า 4 พื้นที่เป็นข้อกังวล ก็สามารถนำมาเร่งกระบวนการปักปันเขตแดนได้

นายเบญจมินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนผลการประชุมเจบีซี เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยก็สามารถดำเนินการได้สำเร็จในระดับหนึ่ง ทำให้ขณะนี้ทราบว่าหลักเขตแดน 73 หลัก ที่ได้ดำเนินการมากว่า 100 ปี อยู่ในจุดใดบ้าง และมีจุดใดที่เห็นตรงกัน หรือขัดแย้งกัน อีกทั้งตกลงที่จะใช้โดรนในการจัดทำแผนที่ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการปักปันเขตแดน และทั้ง 2 ฝ่ายจะงดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่จะไปเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ รวมถึงการระงับข้อพิพาท-ความตึงเครียดต่าง ๆ ก็จะต้องดำเนินการอย่างสันติ ผ่านการเจรจาทวิภาคี 2 ฝ่าย

“เอ็มโอยูปี 2543 เป็นการตีกรอบการเจรจา และการดำเนินการเพื่อให้เกิดแผนที่ที่มีความชัดเจน ไม่ได้ทำให้เสียดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนแผนที่ที่ได้ จะต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะที่ ครม. จะต้องเสนอต่อรัฐสภาพิจารณา” นายเบญจมินทร์ กล่าว

ส่วนกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุฝ่ายไทยยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ของกัมพูชานั้น นายเบญจมินทร์ กล่าวว่า การประชุมเจบีซีไม่มีประเด็นดังกล่าวในการหารือ ซึ่งฝ่ายไทยก็แปลกใจ เหตุใดจึงมีการสื่อสารในลักษณะนี้ออกมา แต่ก็มองเป็นเทคนิคของฝ่ายหนึ่ง ในการส่งสัญญาณผิด ๆ ต่อมวลชนภายในของอีกฝ่าย พร้อมย้ำว่า เป้าหมายสุดท้ายคือการเกิดแผนที่ร่วมของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทางฝรั่งเศสก็พร้อมสนับสนุนเอกสารเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

แบ๊กช้างศึก ‘นิโคลัส’ ย้ายทีมเล่นลีกเยอรมนี

57 นาทีที่แล้ว

ผัวเดือดกระโดดถีบเมีย ก่อนถูกมีดแทงสวนเจ็บ หลังเกิดเหตุเมียหอบลูกสาวหนี

59 นาทีที่แล้ว

ให้ออกแล้ว! คนขับรถเมล์สาย 30 ชนคนข้ามทางม้าลาย สั่งพักใช้ใบขับขี่ 6 เดือน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภรรยา ‘ดิม แทททูคัลเลอร์’ คลอดแล้ว ตั้งชื่อลูกสาวสุดน่ารัก ‘น้องพาสเทล’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ฝ่ายปกครองลุยกวาดล้างยานรกบุกจับพ่อค้ากลางป่า ยึดยาบ้าเกือบ1,000เม็ด

เดลินิวส์

สรุปช่องทางถ่ายทอดสดฟุตบอล “กรมพลศึกษา เดลินิวส์ คัพ 2025” 18 ปี ก แบบเข้าใจง่าย

เดลินิวส์

“ฮุน เซน” ซัดไทย “หยุดหลอกประชาชน” ยันเขมรไม่คุยด้วยสั่งปิดด่านเองก็ต้องเปิดเอง

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม