พิชัย ชี้เลื่อนขึ้นภาษี 36%เป็นผลดี ทำให้มีเวลาเจรจาเพิ่ม คลังแย้มมีงบช่วยเหลือ 4 หมื่นล้าน
จากกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลไทยว่า สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค.68 พร้อมระบุว่า หากไทยยกเลิกกำแพงภาษีและมาตรการกีดกันการค้า สหรัฐฯ อาจพิจารณาปรับภาษีตามที่ระบุในจดหมายฉบับนี้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า การที่สหรัฐประกาศภาษี และเปิดให้ประเทศเหล่านี้เร่งเจรจาก่อนมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ส.ค.68 โดยตอนนี้จะทำงานอย่างหนักหากสหรัฐมีอะไรต้องการความชัดเจน ตนก็พร้อมจะเดินทางไปเจรจาตลอด และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เดินเกมช้า ก่อนหน้านี้ได้คุยกันตลอดมากว่า 1 เดือน และไม่ได้คุยกันเฉย ๆ แต่คุยถึงรายการสินค้าและลงรายละเอียด พร้อมกับมีแผนสำรองไม่ว่าภาษีจะอัตรา 36% หรือต่ำกว่านั้น เพราะการค้าขายในโลกนี้ ต้องปรับกันใหม่ ส่วนการเยียวยาผู้ประกอบการนั้น อยู่ในแผนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าข้อเสนอของไทยทั้งรอบแรกและรอบสอง คาดว่าจะยังไม่ได้ไปถึงการตัดสินใจในระดับนโยบายของสหรัฐ แต่มั่นใจว่าข้อเสนอของไทยจะได้รับข่าวดี เนื่องจากอธิบาย วัดผล และปฏิบัติได้ ซึ่งได้ผลต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำแล้วหาย เวลาเสนออะไรแล้ว จะรับปากเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องปฏิบัติได้ด้วย และคาดหวังไทยจะได้รับภาษีลง และแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ส่วนกรณีที่ประเทศไทยเข้าร่วมกลุ่มบริคส์ จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่นั้น ไทยได้เข้าไปเรียนรู้และสังเกตการณ์มากกว่า แต่จะต้องชี้แจงด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูด้วยว่าสหรัฐจะส่งอะไรมา ยืนยันว่าไทยเป็นแค่ระดับพาร์ตเนอร์ ไม่น่าเสียหายอะไร
ต่อมานายพิชัย ได้เรียกประชุมกับทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยระบุว่าได้มีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมในการเจรจาต่อรองหลังจากนี้ นอกจากนี้ยังระบุว่า รู้สึกดีใจและไม่ผิดคาดที่สหรัฐเลื่อนระยะเวลาการใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นวันที่ 1 ส.ค.นี้ ส่วนที่เราไปเจรจานั้น ไม่ได้ถือว่า เป็นการเจรจาที่สวนทางกับการที่สหรัฐส่งหนังสือมาให้เรา ซึ่งการเลื่อนระยะเวลาเป็นวันที่ 1 ส.ค.นั้น ถือว่าดีแล้ว
เมื่อถามว่าไทยมีโอกาสได้รับภาษีในอัตราใกล้เคียงกับเวียดนามหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า กรณีที่เขายอมทุกอย่างกับเราที่เรายอมน้อยกว่า แต่ถ้าเงื่อนไขอื่นหรือเรามีองค์ประกอบอื่น ก็อาจจะทำให้เราได้รับการลดภาษีมากกว่า ส่วนการเจรจาจะยึดหลักผลประโยชน์แบบ วิน-วินหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า เรายึดหลักผลประโยชน์ของเราก่อน ซึ่งได้เตรียมแผนรองรับไว้หลายก๊อก และเมื่อถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ลองมาทำงานตรงผมดูซิ
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% ในวันที่ 1 ส.ค.68 นั้น ยังไม่ใช่การเจราจาขั้นตอนสุดท้าย โดยไทยได้ส่งข้อเสนอใหม่รอบสองให้กับสหรัฐแล้ว โดยลดภาษีนำเข้า 0% หลาย 1,000 รายการ ให้กับสหรัฐ ซึ่งเป็นรายการเดียวกับที่หลายๆ ประเทศทำ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีงบประมาณรองรับที่เหลือกว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่ยังไม่ได้รับจัดสรร จากกรอบวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถเข้าไปดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปสหรัฐ
“เราได้มอบหมายให้ทุกกลุ่มกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปดูรายการสินค้าต่างๆ ที่อ่อนไหวว่ามีส่วนใดติดขัดหรือไม่ โดยสหรัฐก็ขอดูข้อมูลจากเราอย่างละเอียด ให้เราส่งเป็นไฟล์รายการสินค้าไป ซึ่งข้อเสนอครั้งที่ 2 ที่เราส่งไปยังไม่ได้ตอบกลับมา แต่เชื่อว่าผลจะเป็นไปในทิศทางบวก โดยเส้นตาย 1 ส.ค.68 นี้ ไทยจึงจะใช้ระยะเวลาช่วงที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด มั่นใจว่าไทยจะไม่โดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 36% แน่นอน ส่วนกรณีหากข้อเสนอครั้งนี้ยังไม่ได้ผลนั้น ทีมไทยแลนด์ต้องหารือร่วมกัน เพื่อไปเจรจาต่อรองกับสหรัฐต่อไป”