ทางรอดปะการังไทย เทคโนโลยีโอมิกส์สู้ฟอกขาว
สถานการณ์ปะการังฟอกขาวในทะเลไทยเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่เมื่อปี 2567 สาเหตุจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น บางส่วนมีตะกอนทับถมในแนวปะการัง ส่งผลให้ปะการังเกิดความเครียดสูง ทำให้ปะการังขับสาหร่ายซูแซนเทลลีออกจากตัว ปะการังเข้าสู่ภาวะอ่อนแอและกลายเป็นสีขาวในที่สุด มีรายงานการฟอกขาวถึงร้อยละ 60-80 ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันปะการังที่ฟอกขาวทั้งอ่าวไทยและอันดามันฟื้นตัวดี แต่ยังต้องเฝ้าระวัง ลดอัตราการตายและเสียหายจากปะการังฟอกขาว เพราะกระทบต่อความหลากหลายทางระบบนิเวศและสัตว์ทะเลของไทย
ในปัจจุบันศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ (National Omics Center) ภายใต้ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำเทคโนโลยีโอมิกส์นำมาใช้ในการอนุรักษ์ปะการัง ทรัพยากรธรรมชาติสำคัญของไทย สอดรับกับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก งานวิจัยเน้นศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการังในไทย มีความสำคัญยิ่งต่อการอยู่รอดของปะการังเมื่ออุณหภูมิโลกพุ่งสูง น้ำทะเลร้อนขึ้น
ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ไบโอเทค สวทช. ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านโอมิกส์ที่ทันสมัยที่สุดของไทย เพื่อรองรับทั้งงานวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ เทคโนโลยีโอมิกส์ (Omics) คือ วิทยาการที่ศึกษาข้อมูลทางชีวภาพระดับโมเลกุลอย่างครบวงจร ได้แก่ จีโนมิกส์ คือ การศึกษารหัสพันธุกรรมระดับจีโนม, ทรานสคริปโตมิกส์ คือการศึกษาการแสดงออกของยีน, โปรตีโอมิกส์ คือ การศึกษาหน้าที่และการทำงานร่วมกันของโปรตีน และเมตาโบโลมิกส์ คือ การศึกษาการสร้างและการเปลี่ยนแปลงสารเมตาบอไลต์ เทคโนโลยีเหล่านี้สำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานชีวภาพ สร้างความเข้าใจกลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน วิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้รวดเร็ว แม่นยำ และประยุกต์ใช้ในหลากหลายสาขา เช่น การเกษตร สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเทคโนโลยีโอมิกส์ช่วยอนุรักษ์ปะการังในน่านน้ำไทย เป็นหนึ่งในผลงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม
ดร.วิรัลดา ภูตะคาม ผู้อำนวยการศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ กล่าวว่า ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติขับเคลื่อนเทคโนโลยีโอมิกส์ในประเทศไทย มีการวิจัยและพัฒนาขั้นสูง สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับเทคโนโลยีโอมิกส์เฝ้าระวังปะการังฟอกขาว ช่วยอนุรักษ์ปะการัง ซึ่แนวปะการังที่ใช้เวลาเติบโตยาวนาว แต่ปัญหาการฟอกขาวทำให้สูญเสียปะการัง ในชั่วพริบตา กระทบนิเวศทะเลอย่างมาก ส่งผลให้สัตว์ทะเลจำนวนมากลดลง ปลาในทะเลกว่า 90% มีบ้านเป็นแนวปะการัง หากินในแนวปะการัง หากสัตว์น้ำลดลงจะกระทบประมง กระทบความมั่นคงทางอาหาร ไม่รวมมิติด้านการท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติทำงานร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพัฒนาเทคโนโลยีโอมิกส์สร้างฐานข้อมูลความหลากหลายทางพันธุกรรมปะการัง เพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ แนะนำสายพันธุ์ที่ทนร้อน โดยใช้เป็นแนวทางในการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังไทยทั้งสองฝั่ง รวมถึงการผสมเทียมเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมและโอกาสรอดของปะการัง
“ นับเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาเรื่องจีโนม (DNA) ปะการังในประเทศไทย เดิมปะการังไทยไม่มีข้อมูลความหลากหลายทางพันธุกรรมเลยต่างจากจีน สิงค์โปร เราศึกษาลงลึกถึงระดับยีนเพื่อหาปะการังทนร้อนด้วยการสกัดดีเอ็นเอ เพื่อศึกษาการแสดงออกของยีนต่างๆ เมื่อเกิดการฟอกขาว เปรียบเทียบระหว่างปะการังโคโลนีที่ทนร้อนกับฟอกขาวว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองต่ออุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นต่างกันหรือไม่ ชนิดพันธุ์ไหนทนร้อนได้ดี รวมถึงมีการประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการังในน่านน้ำไทย เพื่อการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน ถือเป็นการสร้างความต้านทานการฟอกขาวหากเกิดปรากฎการณ์ซ้ำอีกแทนที่จะตายทั้งแนวปะการัง โอกาสรอดเพิ่มมากขึ้น” ดร.วิรัลดา กล่าว
ผอ.ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ กล่าวต่อว่า ข้อมูลจีโนมของปะการังทนร้อนเราแนะนำให้แก่ ทช. ใช้ดำเนินการฟื้นฟูปะการังใต้ทะเล ลดอัตราตาย จากเดิมพบปะการังอ่อนที่ลงปลูกฟื้นฟูตายถึงร้อยละ 80 นวัตกรรมนี้มีความสำคัญเมื่ออุณหภูมิโลกพุ่งสูง น้ำทะเลร้อนขึ้น ยกตัวอย่างปะการังเขากวางที่เหลืออยู่ในทะเลไทยมีความหลากหลายทางพันธุกรรมน้อยมาก เมื่อฟอกขาวหรือโรคระบาดที่มีผลจำเพาะต่อปะการังเขากวาง สายพันธุ์นี้จะมีโอกาสสูญพันธุ์ ถ้าความหลากหลายทางพันธุกรรมต่ำ นอกจากฟื้นฟูปะการังเขากวางที่เสี่ยงที่สุดแล้ว ยังเฝ้าระวังปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังผิวเกล็ดน้ำแข็ง ปะการังลายดอกไม้ด้วย นอกจากจีโนมปะการังแล้ว ยังมีการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมเพื่อการอนุรักษ์พืชป่าชายเลน ไปจนถึงศึกษาดีเอ็นเอของพืชไม้มีค่าอย่างไม้สัก ไม้พะยูง ร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
นอกจากปัญหาปะการังฟอกขาวที่เป็นภัยคุกคามสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีการลักลอบค้าสัตว์ป่าที่ถือเป็นอาชญกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์โอมิกส์ฯ ใช้เทคโนโลยีพันธุกรรมเพื่อช่วยอนุรักษ์เสือโคร่งด้วยลายพิมพ์ดีเอ็นเอ (DNA fingerprint) และการบ่งบอกอัตลักษณ์เสือโคร่ง
ดร.วิรัลดา กล่าวว่า ขณะนี้มีการใช้เทคโนโลยีพันธุกรรมเพื่อช่วยอนุรักษ์เสือโคร่ง โดยเฉพาะเสือโคร่งในกรงเลี้ยงที่ลงทะเบียนครอบครองอย่างถูกกฎหมาย ด้วยความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ ใช้เครื่องหมายโมเลกุลเพื่อระบุตัวตนเสือโคร่งแต่ละตัวได้อย่างแม่นยำ การวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างเลือดเสือโคร่งหรือขนหางเสือโคร่งนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมสัตว์ป่า ช่วยให้สามารถตรวจสอบเสือโคร่งของกลางในคดีลักลอบค้าสัตว์ป่า และปกป้องเสือโคร่งจากการสูญพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีฐานข้อมูลเสือโคร่งในกรง 2,400 ตัว นอกจากนี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์เสือโคร่งเพื่อพัฒนาฐานข้อมูลอีเอ็นเอดังกล่าวอีกด้วย
“ การค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย นำไปสู่การสูญพันธุ์ของสัตว์ป่า นอกจากใช้เทคโนโลยีพันธุกรรมเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่งแล้ว ยังครอบคลุมสัตว์ที่มีสถานะเสี่ยงสูญพันธุ์ เช่น พญ้าแร้ง ซึ่งปัจจุบันพบในไทยเพียง 7 ตัว เสือลายเมฆ พบ13 ตัว นอกจากนี้ ยังทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอของช้าง เก้งหม้อ ละมั่ง ด้วยความร่วมมือกับคณะสัตว์แพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ทำฐานพันธุกรรมนอกจากเพื่อใช้ตรวจสอบอัตลักษณ์แล้ว ยังแก้ปัญหาเลือดชิดในสัตว์ป่าอีกด้วย นักวิจัยของเราพัฒนาต้นน้ำ ส่งต่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากรให้หน่วยงานปลายน้ำเพื่อนำเทคโนโลยีชีวภาพไปใช้ รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายสร้างความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ ศูนย์โอมิกส์ฯ พร้อมรองรับงานวิจัยจากโจทย์ที่ซับซ้อน นำเทคโนโลยีโอมิกส์ไปประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม “ ผอ.ศูนย์โอมิกส์ฯ กล่าว