รองอธิบดีอัยการ ชงอสส.พิจารณาสั่งคดีนอกราชอาณาจักรคลิปฮุน-เซน
ที่สำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนบรมราชชนนี สำนักอัยการสูงสุด นัดประชุมหารือกับตำรวจไซเบอร์ กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน เพื่อหารือกำหนดแนวทางการสอบสวน โดยมีนายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และรองโฆษก ตร.
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ทางรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ร้องทุกข์กับทาง บช.สอท. เรื่องคลิปเสียงการสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน กับนายกรัฐมนตรี ในชั้นการพิจารณาการสอบสวนของตำรวจ ยังมีข้อกฎหมายที่สงสัยว่าเป็นความผิดในประเทศหรือความผิดนอกราชอาณาจักรทางตำรวจจึงส่งสำนวนคดีให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 เเละเมื่อเป็นคดีนอกราชอาณาจักรก็เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเเต่เพียงผู้เดียว ทางอัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งตั้งคณะทำงาน มอบหมายให้ ผบก.สอท.1 เป็นผู้รับผิดชอบและมีอัยการจากสำนักงานการสอบสวน มาร่วมสอบสวน โดยให้อัยการเข้าไปทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ
วันนี้ตนได้เชิญตำรวจ สอท.1 มาร่วมประชุมและให้ความเห็นเพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดีต่อไป โดยการประชุมวันนี้เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางสอบสวนว่าจะเรียกพยานคนไหนเข้ามาสอบปากคำบ้าง รวมถึงการพิจารณาเรียกนายกรัฐมนตรีเข้ามาสอบด้วยเช่นกัน แต่การสอบปากคำสมเด็จฮุนเซน โอกาสที่จะเรียกมานั้นยาก
นายวัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้ยังไม่มีมีการดำเนินคดีกับใครเพราะเป็นเพียงแค่มีการกล่าวหาเท่านั้น โดยพนักงานอัยการและคณะทำงานจะต้องพิจารณาว่า ข้อกล่าวหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้นมีความผิดตามหลักเกณฑ์หรือไม่ หากขั้นตอนในการพิจารณาเสร็จสิ้นว่ามีมูลหรือไม่จะต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี
"หากอัยการสูงสุดสั่งฟ้องก็จะต้องดำเนินการในการเอาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการส่งตัวฟ้องต่อศาลและจะต้องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะได้ตัวหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วไม่เข้าไม่ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ก็สั่งไม่ฟ้องคดีก็เป็นอันยุติ"
ขณะนี้คณะทำงานก็จะพิจารณาสำนวนให้รอบคอบละเอียดที่สุดก่อน ส่วนการจะเชิญใครมาทำการสอบสวนบ้างจะต้องมีการหารือประชุมกัน พนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนจะทำงานในการพิจารณาหลักฐานคดีนี้เช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไปเพื่อไม่ให้กดดัน คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนสนใจคณะทำงานจะใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาและมีปัญหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำเสนอต่ออัยการสูงสุดว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่อย่างไรในการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ได้มาหารือกับทางอัยการสอบสวนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพิ่มเติมหรือรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยคณะทำงานพนักงานสืบสวนสอบสวน บก.สอท.1 มาร่วมประชุมและหาทางในการปฏิบัติต่อไป จะมาพิจารณาในข้อกฎหมายว่า มีการกระทำความผิดอย่างไร โดยพนักงานสอบสวนพร้อมดำเนินการตามกฎหมายซึ่งเป็นอำนาจของทางอัยการสูงสุด
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ อีกกล่าวว่า สำหรับสำนวนคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. ร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวหาเรื่องคลิปเสียงอีกสำนวนหนึ่งนั้นวันนี้ก็จะได้มีการนำมาหารือกับทางอัยการสอบสวนแล้วก็จะส่งสำนวนการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้าต่อไป
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในช่วง เกิดปัญหาการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมามีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในเชิงลบต่อประเทศไทยเยอะมากทาง สอท.1 ได้ติดตามข่าวสารและรวบรวมหลักฐานข้อมูลที่เชิงลบต่อประเทศไทย
โดยพร้อมกับประสานกับกระทรวงดีอีในการดำเนินการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารอย่างเช่นกรณีมีข่าวปลอมว่าเครื่องบินเอฟ 16 ถูกยิงตกสร้างความตื่นตัวแก่พี่น้องประชาชน เป็นความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 ทางตำรวจได้มีการมอนิเตอร์อยู่ตลอดหากหน่วยงานไหนที่เกี่ยวข้องและยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจไซเบอร์ได้โดยจากการตรวจสอบพบว่ามาจากประเทศกัมพูชาโดยมากและมีการบิดเบือนข้อมูลทำให้เกิดความสับสนและเกิดความเกลียดชังด้วย Hate speech ก็ขอฝากพี่น้องประชาชนในการติดตามข้อมูลข่าวสารขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เป็นทางการเป็นที่สามารถยืนยันและตรวจสอบได้