สหรัฐฯ เคาะภาษีไทย 19% ตลาดผ่อนคลาย แต่ยังไม่กลับคำแนะนำ
ไทยและสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปให้อัตราภาษีนำเข้าอยู่ที่ 19% เป็นไปตามที่ตลาดคาด (18–20%) ความชัดเจนนี้ช่วยลดความไม่แน่นอนและน่าจะหนุนแนวโน้มในระยะสั้น อัตราภาษี 19% ยังถือว่าดีกว่าเวียดนามที่อยู่ที่ 20% และสอดคล้องกับประเทศคู่แข่งในเอเชีย อย่างไรก็ตาม อัตราภาษี 40% สำหรับสินค้าที่ถูกส่งผ่านประเทศ (transshipment) อาจทำให้แรงจูงใจของผู้ผลิตในการย้ายสายการผลิตสุดท้ายจากจีนมาไทยเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าลดลงอย่างมาก และเนื่องจากอัตราภาษีสำหรับจีนยังไม่สรุป เราคาดว่าช่องว่างด้านภาษีระหว่างไทยและจีนจะไม่กว้างมากนัก ซึ่งจะยิ่งลดเสน่ห์ของไทยในฐานะจุดหมายของการย้ายฐานการผลิต
ทีม Research หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ Industrial Estate ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 68 ว่า กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมไทยรายงานยอดจองซื้อและกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการย้ายฐานการผลิตของจีน ,การฟื้นตัวหลังโควิด-19, การลงทุนใน EV และอุปสงค์ดาต้าเซนเตอร์ที่เพิ่มขึ้น แต่โมเมนตัมดังกล่าวอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ทั้งหุ้น WHA และ หุ้น AMATA คาดว่ายอดจองซื้อที่ดินในปี 2568 จะสูงกว่าปี 2567 โดยยอดจองซื้อของ WHA ในครึ่งแรกของปี 2568 น่าจะอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของเป้าหมายทั้งปี ขณะที่ของ AMATA อยู่เพียงประมาณหนึ่งในสี่ของเป้าหมายทั้งปี ปัจจัยบวกส่วนใหญ่ได้สะท้อนไปแล้ว การเติบโตในระยะถัดไปจึงต้องฝากความหวังไว้กับดีลที่ดินขนาดใหญ่ ซึ่งมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจกระทบความเชื่อมั่นของ FDI ในไตรมาส 3 ปี 68
ทั้งนี้ ทีม Research คาดว่า หุ้น AMATA จะรายงานกำไรหลักไตรมาส 2 ปี 68 ที่ 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากราคาที่ดินและอัตรากำไรที่สูงขึ้น แต่การโอนที่ดินที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จะกดดันกำไร เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับไตรมาส 3 ปี 68 เราคาดว่า กำไรหลักจะอยู่ที่ 575 ล้านบาท ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากฐานสูงในไตรมาส 3 ปี 67 แต่เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการโอนที่ดินที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนหุ้น WHA เราคาดว่า จะรายงานกำไรหลักไตรมาส 2 ปี 68 ที่ 1.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาที่ดินที่สูงขึ้นและการขายสินทรัพย์ให้ WHART มูลค่า 808 ล้านบาท แต่ลดลง 35% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการโอนที่ดินที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อมองไปข้างหน้า เราคาดกำไรหลักไตรมาส 3 ปี 68 จะอยู่ที่ 1.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการไม่มีรายได้จากการขายสินทรัพย์ให้ REIT