คปท.-ศปปส. -กองทัพธรรม บุกสถานทูตกัมพูชา กดดันหยุดรุกล้ำชายแดนไทย
คปท.-ศปปส. -กองทัพธรรม บุกสถานทูตกัมพูชา กดดันหยุดรุกล้ำชายแดนไทย – เตือนรัฐบาลหากนิ่งเฉย เตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ทั่วประเทศ
วันที่ 19 ก.ค. 68 ณ สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และประชาชนทั่วไป นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เเสดงจุดยืนเชิงสัญลักษณ์ กรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายพิชิต เปิดเผยว่า จุดประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้ คือการสื่อสารไปยังรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาให้ยุติการกระทำที่เป็นการล้ำอธิปไตยของไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยกล่าวว่า ได้มีการพบว่าทหารกัมพูชาบางส่วนมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายรุกราน เช่น การวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนจำนวนหลายร้อยลูก รวมถึงการยั่วยุกำลังทหารไทย ซึ่งถือเป็นการดูหมิ่นอธิปไตยของประเทศไทยอย่างร้ายแรง
“ วันนี้เรามาที่นี่เพื่อยืนยันว่าคนไทยรักความสามัคคี มีจิตใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และรัฐบาลไทยควรแสดงออกอย่างชัดเจนว่าหากมีการรุกล้ำอธิปไตย ก็ต้องตอบโต้เช่นเดียวกัน หากกัมพูชาขนคนได้ ไทยก็ต้องขนคนได้เช่นกัน หากรัฐบาลยังเพิกเฉย เราพร้อมจัดการชุมนุมใหญ่เพื่อปกป้องอธิปไตย และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็พร้อมจะเป็นจุดรวมพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ” นายพิชิต กล่าว
นายพิชิต ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การแสดงออกในครั้งนี้เป็นการเตือนรัฐบาลไทยให้มีท่าทีที่ชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยของไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเตือนว่าหากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากฝ่ายรัฐบาล ประชาชนจะไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
นายพิชิต ยังเปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมีการจัดเวทีปราศรัยทั่วทุกภาคของประเทศ โดยในภาคอีสานจะเริ่มที่จังหวัดนครราชสีมา และภาคตะวันออกจะจัดที่จังหวัดระยอง ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ โดยจะมีตัวแทนผู้ปราศรัยจากหลายพื้นที่เข้าร่วม
เราจะยื่นหนังสือเรียกร้องอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาล และเก็บบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า การกระทำของกัมพูชาคือการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และควรมีการชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้ยื่นเรื่องพร้อมส่งข้อมูลผ่านระบบอีเมลไปยังยูเอ็นแล้ว ดังนั้น รัฐบาลไทยในนามประเทศควรมีท่าทีที่ชัดเจน และควรดำเนินการเชิงรุก เช่น การจัดตั้ง ‘กำแพงสัญลักษณ์’ เพื่อแสดงจุดยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมงของการจัดกิจกรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก.น.4) และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล รวมกว่า 100 นาย ได้วางกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด มีการนำแผงเหล็กมากั้นพื้นที่บริเวณด้านหน้าสถานทูต เพื่อควบคุมพื้นที่และป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด