“บิ๊กเต่า” เปิดปาก! เงินเป็นลัง-มาเป็นคันรถ ปมมอบให้ “สีกากอล์ฟ” โยงวัดประยุรฯ
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ย้อนหลัง 3 ปี หลังพบอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “สีกากอล์ฟ” โดยระบุว่า เบื้องต้นจากพยานหลักฐานพบว่าเงินที่มอบให้ฝ่ายหญิงนั้น ไม่ได้มาในลักษณะเงินสดธรรมดา แต่คาดว่าน่าจะเป็น “เงินบริจาค” เพราะใส่ลังมาพร้อมเครื่องสังฆทาน สบงจีวร และบรรทุกมาเป็นคันรถ จนคนที่เปิดดูยังตกใจ เนื่องจากพบธนบัตรตั้งแต่ 20 บาท จนถึงละ 1,000 บาท ปะปนกันอยู่ในลัง
รอง ผบช.ก. กล่าวต่อว่า ลักษณะเงินแบบนี้ “ไม่มีใครพกพาไว้ส่วนตัวแน่นอน” จึงเชื่อได้ว่าเป็นเงินบริจาค และถึงแม้เงินลักษณะนี้ไม่ได้ถูกส่งเข้าทางระบบบัญชี แต่ตรวจสอบไม่ยาก ก็ไปสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตำรวจก็มีพยานหลักฐานในมือ
ในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด และบัญชีของเจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินที่ถูกเบิกหรือโยกย้าย หากเข้าสู่บัญชีบุคคลและถูกรับไปที่อื่นโดยไม่มีเหตุผลชอบธรรม อาจเข้าข่ายความผิดอาญาเกี่ยวกับการทุจริต
“ถ้าเงินเข้าบัญชีวัดก็ต้องมีเหตุมีผลชัดเจน หากไม่มีคำอธิบายก็เข้าข่ายทุจริต” รอง ผบช.ก.กล่าว
สำหรับกรณีเจ้าอาวาสวัดประยุรฯ จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ รอง ผบช.ก. ระบุว่า ยังไม่ได้สอบถามโดยตรง แต่จากการเข้าค้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าอาวาสให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นำบัญชีจำนวนมากมาให้ตรวจสอบ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าอาวาสเป็นผู้ควบคุมบัญชีเงินของวัดนั้น ตนได้รับรายงานข่าวว่า ผู้ควบคุมตัวจริงคือ “อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส” ซึ่งต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัด
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ผบ.ตร. ยังมีแนวทางร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เตรียมปรับรูปแบบการบริหารจัดการวัดทั่วประเทศ เนื่องจากพบวัดจำนวนมากไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีคณะกรรมการ ไม่มีระบบบัญชีที่ตรวจสอบได้ ทำให้ส่อไปในทางทุจริต หรือสร้างความคลางแคลงแก่ญาติโยม อย่างกรณี “วัดใหญ่จอมปราสาท” ที่ไร้ไวยาวัจกร จนชาวบ้านในพื้นที่หมดศรัทธา กระทั่งเมื่อได้เจ้าอาวาสใหม่ ชาวบ้านจึงกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“ต่อให้เป็นเขตวัด เขตอภัยทาน ก็ต้องตรวจสอบได้ ถ้าตรวจสอบไม่ได้ก็คือส่อเจตนาไม่ดี” รอง ผบช.ก. กล่าวทิ้งท้าย