นักวิจัยชี้ต้องใช้เวลาอีก 50-100 ปี ถึงจะฟื้นฟูธรรมชาติปนเปื้อนสารพิษเหมืองแรร์เอิร์ทได้
นักวิจัยคะฉิ่นชี้ต้องใช้เวลาอีก 50-100 ปี ถึงจะฟื้นฟูธรรมชาติปนเปื้อนสารพิษเหมืองแรร์เอิร์ทได้ แฉจีนเอาแต่ตักตวงผลประโยชน์-ไม่สนใจผลกระทบของเพื่อนบ้าน
26 สิงหาคม 2568 - มีการจัดเวทีสาธารณะจากคะฉิ่นถึงไทย : เหมืองแร่แรร์เอิร์ทกับผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้วิทยากรประกอบด้วย นายธารา บัวคำศรี (Climate Connector), ผศ.ดร.นัทมน คงเจริญ (คณะนิติศาสตร์ มช.), ดร.สงกรานต์ ป้องบุญจันทร์, ดร.สืบสกุล กิจนุกร (มฟล.), Zung Ting (Kachin State) และ Seng Li (Shaba Foundation, Kachin State)
ดร.สืบสกุล กิจจุกร นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวถึงภาพรวมของการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในภูมิภาคว่า มีเหมืองแรร์เอิรทเมืองป๊อกในรัฐฉานซึ่งมีแม่น้ำสาขาไหลลงแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง ซึ่งยังไม่มีรายงานว่ามีสารปนเปื้อนไหลลงแม่น้ำสาละวินหรือไม่ นอกจากนี้มีอีกหลายพื้นที่ เช่นที่ประเทศลาว การทำเหมืองแร่ ในฝั่งลาวตรงข้ามเชียงคานซึ่งไม่รู้ว่ามีสารปนเปื้อนลงแม่น้ำโขงหรือไม่ ยังไม่มีใครตรวจ
ดร.สืบสกุลกล่าวว่า ภาคประชาชนได้ยื่นหนังสือขอให้ปิดเหมืองและฟื้นฟูแม่น้ำกก สาย รวกและโขง โดยล่าสุดรัฐบาลไทยได้ไปเจรจากับรัฐบาลทหารพม่าและตั้งคณะกรรมการคขึ้นมารตรวจน้ำ อีกส่วนหนึ่งที่รัฐบาลยังไม่มีใครพูดถึงคือการตรวจแร่ที่นำเข้าจากเมียนมา ซึ่งเราคุยกับ MRC ซึ่ง MRC ได้ตรวจเจอสารโลหะหนักในลำน้ำโขงแล้ว
ดร.สืบสกุลกล่าวว่า เหมืองแร่ที่ส่งผลเชียงรายทั้งหมดอยู่ในฝั่งรัฐฉาน ซึ่งยังไม่รู้ว่าไทยจะเจรจากับว้าอย่างไรเพราะว้าได้ประโยชน์จากการส่งออกแรร์เอิร์ท ล่าสุดว้าได้ประชุมร่วมกับกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์เพราะจีนกดดันให้ว้ากดดันกองกำลังชาติพันธุ์ยุติการรบกับทหารพม่า เราต้องพิจารณาว่าจีนในฐานะที่ส่งออกแร่แรร์เอิร์ท จึงไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบได้ และการประชุม LMC ที่ผ่านมาได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย และปลายปีมีการประชุม LMC อีกรอบ ขณะที่ตัวแทนอเมริกาก็เพิ่งไปเยือนรัฐคะฉิ่นมา ซึ่งแน่นอนว่ามีเป้าหมายเรื่องแรร์เอิร์ท แม้ว่าคะฉิ่นอยู่ไกลจากเชียงราย แต่เหมืองของคะฉิ่นส่งผลกระทบต่อประชาชน ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้จากคะฉิ่น
นาย Zung Ting นักสิ่งแวดล้อมซึ่งทำงานพัฒนาชุมชนและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในรัฐคะฉิ่น มากว่า 20 ปีกล่าวว่า คะฉิ่นอยู่ระหว่างประเทศใหญ่คือจีนและอินเดีย จึงถูกประเทศไหญ่ดึงทรัพยากรไปใช้ รัฐคะฉิ่นเป็นภูเขาสูงและมีความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมโดยมีแร่จำนวนมาก สำหรับทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในคะฉิ่นนั้น ช่วงแรกเราไม่รู้ว่าแรร์เอิร์ทคือเหมืองอะไร จีนเปลี่ยนนโยบายการทำเหมืองแร่เพราะในประเทศได้รับผลกระทบมาก จึงย้ายฐานการผลิตมาในคะฉิ่น ต่อมาได้มีการเปลี่ยนตัวละครเป็นกองทัพเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) แต่สถานการณ์ขุดเจาะหนักที่สุดคือหลังรัฐประหาร 2564 เพราะไม่มีใครควบคุมได้ คาดว่าปัจจุบันมีเหมืองแรร์เอิร์ทอยู่ 370 เหมือง และยังมีเหมืองเล็กๆอีก คะฉิ่นเป็นหลักที่ส่งออกแรร์เอิร์ท มีมูลค่าเกิน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเมื่อเดือนตุลาคมปี 2567 KIA สามารถควบคุมพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด
นักสิ่งแวดล้อมชาวคะฉิ่นกล่าวว่า ตอนนี้จีนควบคุมการผลิตแรร์เอิร์ท 80% เอาไว้ซึ่งหลายประเทศเป็นกังวลและต้องการลดการนำเข้าจากจีน จึงพยายามขยายพื้นที่ขุดเจาะ ขณะที่แร่แรร์เอิร์ทหนัก หรือ heavy rare-earth elements (HREEs) ยิ่งหายากและหาได้ในคะฉิ่น ดังนั้นเราจึงเห็นข่าวสหรัฐฯพยายามมาเยือนคะฉิ่น ขณะที่จีนบีบว่าหาก KIA หากไม่เลิกรบกับพม่าก็จะไม่รับซื้อแรเอิร์ทจากคะฉิ่น ขณะที่ว้าก็ประกาศไม่ให้ความช่วยเหลือกับกองกำลังอื่น หากยังรบกับพม่า ซึ่งรวมทั้ง KIA ด้วย
“ผลกระทบที่เกิดจากทำเหมืองแรร์เอิร์ท ทำให้คะฉิ่นเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก มีดินและโคลนถล่มเพราะภูเขาถูกเจาะทำให้ข้างในเป็นโพลง ชาวคะฉิ่นมีปัญหาเรื่องน้ำและความมั่นคงทางอาหาร เพราะคะฉิ่นเป็นแหล่งต้นน้ำ แม้กระทั่งน้ำผึ้งก็ไม่สามารถใช้กินได้เพราะมีสารปนเปื้อน คนในชุมชนต่างๆออกมาต่อต้าน และยังมีการต่อต้านการปลูกฝิ่นด้วยซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาของคนจีน”นาย Zung Ting กล่าว
นาย Seng Li (Shaba Foundation) นักวิจัยชาวคะฉิ่น กล่าวว่า คะฉิ่นทำเหมืองแร่มานาน แต่ภายใน 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 40% เมื่อก่อนพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนคะฉิ่น(BGF)แต่ตอนนี้ KIO (The Kachin Independence Organizationหรือ องค์กรอิสรภาพคะฉิ่น)ยึดได้เกือบหมด ผลกระทบจากการทำเหมืองแร่นั้น เนื่องจากเจาะภูเขาแล้วเทสารเคมีลงภูเขาทำให้ดินและน้ำเสียหาย ส่งผลต่อคนในพื้นที่
“ก่อนนั้นคะฉิ่นส่งสมุนไพรเข้าไปขายจีน แต่พอเขามาขุดเจาะแรร์เอิร์ทก็เลิกรับซื้อสมุนไพรจากเรา ประชาชนจำนวนมากประสบโรคผิวหนัง ขณะที่ผู้หญิงหลายคนถูกทำร้ายร่างกาย”นาย Seng Li กล่าว
เขากล่าวว่า แรร์เอิร์ทในคะฉิ่นมี 2 ชนิด ถูกนำไปทำแม่เหล็กและกังหันลม รวมทั้งอุตสาหกรรมทหาร โดยแต่หายากชนิดนี้ 57% ของทั้งโลกมาจากรัฐคะฉิ่นโดยจีนเป็นคนส่งออก และ 1ใน 5 ถูกส่งไปประเทศเยอรมันนี
นักวิจัยชาวคะฉิ่นกล่าวว่า นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว ยังมีปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดเหมืองแรร์เอิร์ทมากมายในคะฉิ่นเพราะมีเรื่องการสร้างชาติ เพราะทั้ง KIA และ KIO ต้องการรายได้ในการต่อสู้ และรายได้ที่ง่ายที่สุดคือมาจากทรัพยากรธรรมชาตินั่นคือแร่ ทุกอย่างต้องใช้เงินเพื่อสนับสนุนการสู้รบ
“เราได้ลงพื้นที่ใช้เวลา 8 เดือนในการลงพื้นที่เหมืองแรร์เอิร์ทในคะฉิ่น หาพลวัตรการทำเหมืองแร่ เห็นได้ว่าขาดธรรมาภิบาล คนในเหมืองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขุดแร่แล้วน้ำไปไหน แม้แต่ KIO เองเมื่อคนในพื้นที่ร้องเรียนก็ไม่ค่อยสนใจ จนต้องมีการร้องเรียนเสียงดังๆ การควบคุมดูแลเหมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้นโยบายต่างๆของ KIO ไม่สามารถใช้ได้จริงโดยเฉพาะกับนักลงทุนจีน เช่น เมื่อทำเหมืองเสร็จก็ต้องฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาใช้ได้อีก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ฟื้นฟู และ KIO ดูจะเข้าข้างนักลงทุนจีน หรือเรื่องสิทธิแรงงานก็เข้าข้างเจ้าของเงิน กระบวนการขออนุญาตจาก KIO ก็ไม่มีความชัดเจนว่าใช้กฎเกณฑ์อย่างไร แต่มีระบบอุปถัมภ์ และรายได้ก็ไม่มีความชัดเจนว่าถูกนำไปใช้อย่างไร มีการกระจายให้กับชุมชนอย่างเหมาะสมหรือไม่ แต่ในมุมบวกอย่างน้อง KIO ก็อนุญาตให้นักวิชาการเข้าไปในพื้นที่ทำเหมืองได้”นาย Seng Li กล่าว
นาย Seng Li กล่าวว่า ข้อเสนอแนะคือกลุ่มชาติพันธุ์สามารถควบคุมพื้นที่ได้ ไม่ใช่แต่รัฐบาลทหารพม่าเท่านั้น ดังนั้นองค์กรระหว่างประเทศควรยอมรับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ การทำงานร่วมกันมีความจำเป็นในการเพิ่มศักยภาพเพื่อให้เขาดูแลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของเขา ขณะที่นานาชาติที่จะซื้อแร่แรร์เอิร์ทควรตรวจสอบต้นทางให้ชัดเจนก่อนซื้อว่ามาจากไหนและผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมหรือไม่โดยเฉพาะแร่ที่มาจากจีน
นาย Seng Li ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ผลกระทบจากเหมืองแรร์เอิร์ทในประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้น ขณะที่ในคะฉิ่นหลายอย่างสายไปแล้วเพราะการจะฟื้นฟูระบบนิเวศขึ้นมาใหม่อาจต้องใช้เวลา 50-100 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่คนไทยเริ่มตื่นตัวแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีคำแนะนำอย่างไรสำหรับประเทศไทยที่เพิ่งเติ่มต้นผลกระทบจากเหมืองแรร์เอิร์ท นักวิจัยชาวคะฉิ่นกล่าวว่า การหยุดเหมืองเป็นเรื่องสำคัญแม้เป็นไปได้ยากซึ่งคงต้องเจรจา และส่วนใหญ่รัฐบาลไทยมักจะเข้าไปเจรจรกับรัฐบาลทหารพม่า แต่จริงๆแล้วควรพูดคุยกับกลุ่มกองกำลังในพื้นที่ด้วยคือทหารว้าเพราะควบคุมพื้นที่ทำเหมืองแรร์เอิร์ท
“เหมืองแรร์เอิร์ทในคะฉิ่นทำให้น้ำในแม่น้ำเปลี่ยนสีเขียวใสกลายเป็นน้ำโคลน ต้นไม้ถูกตัดจนหมด สัตว์ป่าไม่สามารถอยู่ได้ ชาวบ้านต้องป่วยเป็นโรคผิวหนัง และสูญเสียอาชีพเพราะเมื่อก่อนชาวบ้านส่งเครื่องเทศไปขายจีน แต่ตอนหลังจีนไม่รับซื้อแล้ว” นักวิจัยชาวคะฉิ่นกล่าว
มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ Shan Human Rights Foundation (SHRF) ได้ออกแถลงการณ์ว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 และภาพวิดีคลิปล่าสุด เผยให้เห็นถึงการทำเหมืองแรร์เอิร์ท 19 แห่ง ภายใต้การควบคุมของกองกำลังพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (National Democratic AllianceArmy - NDAA หรือ กองทัพเมืองลา) ในเขตเมืองยอง ภาคตะวันออกของรัฐฉาน ห่างจากแม่น้ำโขงเพียง 40 กิโลเมตร
“ภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 มีเหมืองแรร์เอิร์ทในพื้นที่เพียง 3แห่ง โดย 2แห่งได้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว อีกหนึ่งแห่งได้ถูกทิ้งร้างในเวลาต่อมา เหมืองแรร์เอิร์ททั้ง 3 แห่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งแร่ 19 แห่ง ที่ค้นพบใหม่ในปี 2568 นี้ แสดงให้เห็นว่ามีการขยายตัวของเหมืองแร่แรร์เอิร์ทที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา”
แถลงการณ์ระบุว่า จากวิดีโอที่มีการโพสต์ในโซเชียลมีเดียโดยคนงานจากเหมืองแรร์เอิร์ธ ในเขต NDAA แสดงให้เห็นการทำเหมืองแบบละลายแร่และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระสอบบรรจุสารเคมีเพื่อละลายแร่หลายพันกระสอบ และเชิงเขาที่มีการวางท่อสำหรับฉีดสารเคมีเข้าไปใช้ในการทำเหมืองแรร์เอิร์ท
ปัจจุบันเหมืองแรร์เอิร์ธ 16 แห่งอยู่ระหว่างดำเนินงาน เห็นได้ชัดเจนว่ายังมีการใช้บ่อสกัดแร่เหล่านี้ ส่วนอีก 3 เหมืองอยู่ในขั้นตอนเริ่มสร้าง จนถึงเดือนพฤษภาคม 2568 สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีลักษณะเป็นบ่อสกัดแร่ที่เรียงรายเป็นรูปวงกลมซ้อนกันหลายวงในการก่อสร้างเหมืองแรร์เอิร์ท
แถลงกาณ์ระบุว่า เหมืองแรร์เอิร์ทส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่มีความสูงระดับ 4,000-5,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ห่างจากพรมแดนประเทศจีน 4 กิโลเมตร มีการปล่อยน้ำจากเหมืองแร่ลงสู่คลองน้ำนับ ซึ่งไหลลงไปทางใต้สู่แม่น้ำโหลย (Lwe River) ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง (Mekong River) อีกทั้งยังพบว่ามีเหมืองแรร์เอิร์ธอีก 4 แห่งที่ตั้งอยู่บนภูเขาทางตอนใต้ของแม่น้ำโหลย มีการปล่อยน้ำจากเหมืองแรร์เอิร์ทลงสู่แม่น้ำโหลยด้วยเช่นกัน