หวั่นรัฐบาลถังแตกไร้งบประมาณรองรับสงครามการค้ารุนแรง เศรษฐกิจตกต่ำ
หวั่นรัฐบาลถังแตกไร้งบประมาณรองรับสงครามการค้ารุนแรง เศรษฐกิจตกต่ำ แกะรอยข้อสังเกตกมธ.วิสามัญงบประมาณ ปี 69
สำนักข่าว The Room 44 รายงานจากสภาผู้แทนราษฎรว่า ที่ประชุมสภาจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค. 68 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยกมธ.ตั้งข้อสังเกตถึงภาพรวมว่า 1.สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 69 มีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในคราวการพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณ ส่งผลกระทบต่องบประมาณทั้งด้านรายได้และรายจ่าย โดยตามแผนการคลังระยะกลางปีงบประมาณ 2569-2572 คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ จัดทำประมาณการเศรษฐกิจปี 68-69 โดยชี้ให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ทั้ง 2 ปี ประมาณการเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 1และร้อยละ 1.2 ซึ่งเป็นข้อมูล ณ เดือนธ.ค. 67 จากประมาณการเศรษฐกิจดังกล่าว นำไปสู่การคำนวณประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ สำหรับปีงบประมาณ 69 อยู่ที่ 2,920,600 ล้านบาท และประมาณการรายจ่ายอยู่ที่ 3,780,600 ล้านบาท ขาดดุลการคลัง 860,000 ล้านบาท และวันที่ 2 เม.ย. 68 สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามการค้าทั่วโลก โดยตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้า ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงปรับลดประมาณการการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปี 68และปี69 เหลือร้อยละ 1.8 และ 1.6
เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่องบประมาณด้านรายได้ รายจ่าย และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี โดยด้านรายได้สุ่มเสี่ยงจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า เนื่องจากจัดเก็บรายได้จากภาษีลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มภาษีที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจสูง เช่น ภาษีเงินได้ นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ย่อมกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ ในส่วนของภาษีเงินได้ปิโตรเลียมและภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง
ส่วนด้านรายจ่าย ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจตกต่ำกว่าที่คาดการณ์ รัฐบาลอาจจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อผลักดันนโยบายการคลังในการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลไม่ได้เตรียมงบประมาณในส่วนนี้เอาไว้ มีเพียงงบกลางที่เจียดตั้งงบประมาณเอาไว้แค่ 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบที่ตั้งไว้ในกองทันปรับโครงสร้างการผลิต ทั้งหมดเกิดจากในช่วงที่จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ยังไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจล่วงหน้าได้ว่าจะมีการตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ (ทั้งที่หลายฝ่าย รวมถึงฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จัดทำงบประมาณปี 69 ใหม่ แต่รัฐบาลยังเดินหน้าใช้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณที่ไม่ทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก) ดังนั้นหากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหรือเกิดผลกระทบจากสงครามการค้ารุนแรง และมีเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดตลาดสินค้า หรือมูลค่าการส่งออกหดตัว รัฐบาลอาจไม่มีงบประมาณมากเพียงพอเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.