รัฐสภาไทยโต้กัมพูชา ยั่วยุ-บิดเบือนข้อตกลงหยุดยิง
รัฐสภาไทยออกแถลงการณ์ตอบโต้ถ้อยแถลงรัฐสภากัมพูชาที่บิดเบือนและยั่วยุ ปมเหตุชายแดน ย้ำจุดยืนใช้สันติวิธีแก้ปัญหาข้อพิพาทด้วยความซื่อสัตย์ ผ่านกลไกทวิภาคี พร้อมเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงใช้เวทีนิติบัญญัติสร้างความเข้าใจผิด และหยุดละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา
14 สิงหาคม 2568 - รัฐสภา ออกแถลงการณ์ ระบุว่า รัฐสภาแห่งราชอาณาจักรไทย มีความห่วงกังวลต่อถ้อยแถลงของรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งมีถ้อยความบางส่วนที่แสดงถึงความเข้าใจที่ผิดพลาด บิดเบือน ยั่วยุ และไม่สะท้อนถึงความมุ่งหวังที่ดีของรัฐสภากัมพูชาต่อข้อตกลงหยุดยิงและการทุเลาสถานการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบัน ถ้อยคำของพลโท บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 เป็นการกล่าวถึงการบริหารจัดการภายในประเทศตามกฎหมายไทย เพื่อรักษาอธิปไตยและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่ใช้กำลัง
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ของประธานรัฐสภาและคณะเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปกป้องอธิปไตยของไทยและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงและภัยคุกคามที่สามารถยับยั้งและหลีกเลี่ยงได้หากอีกฝ่ายตระหนักถึงความถูกต้องชอบธรรมและหลักมนุษยธรรม รัฐสภาไทยยังคงสนับสนุนและย้ำในจุดยืนเดิมของประเทศไทยในการที่จะรักษาอธิปไตย รวมถึงสิทธิ์อันชอบธรรมในการตอบโต้อย่างเหมาะสม โดยจำกัดเป้าหมาย ที่จะไม่กระทบกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตามหลักสากล
โดยเฉพาะกรณีข้อสงสัยต่อการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งมีปรากฏหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ในพื้นที่พิพาท รัฐสภาไทยเปิดกว้างที่จะใช้เวทีของฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อนำเสนอ ข้อเท็จจริงให้นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศภาคีสมาชิกๆ ได้รับทราบถึงความเลวร้ายที่ยังคงมีการใช้ทุ่นระเบิด สังหารบุคคล ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและร่างกายของพลเรือน และบั่นทอนสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
ประเทศไทย ขอยืนยันความมุ่งมั่นที่จะใช้สันติวิธิในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและความขัดแย้งด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจผ่านกลไกทวิภาคี และเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการใช้เวทีของฝ่ายนิติบัญญัติสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นอย่างสร้างสรรค์ โดยควรคำนึ่งถึงบทบาทหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่ตรงไปตรงมา ปราศจากการครอบงำ เพื่อธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดี และผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ.