โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สังคมดีช่วยให้อายุยืน วิจัยชี้ ถ้าความสัมพันธ์ดี คุณภาพชีวิตจะดี

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

แม้เราจะรู้จักสูตรสุขภาพยอดนิยมอย่าง “กินดี นอนพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ” แต่สิ่งที่งานวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันคือ “ความสัมพันธ์ทางสังคม” ก็มีบทบาทไม่แพ้กัน การมีเพื่อนคุย, ครอบครัวให้พึ่งพา, หรือชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่ง ไม่เพียงสร้างความสุขทางใจในแต่ละวัน แต่ยังเชื่อมโยงกับอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กรุงเทพธุรกิจ จะพาผู้อ่านไปรู้จักมิติใหม่ของสุขภาพทางสังคม ที่อาจเป็นกุญแจสู่ชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขมากขึ้น

การเชื่อมโยงทางสังคมทำให้อายุยืนยาวขึ้น

งานวิจัยจาก Journal of Epidemiology and Community Health ที่ติดตามผู้สูงอายุกว่า 28,000 คนอายุเฉลี่ย 89 ปี พบว่า:

ผู้ที่เข้าสังคมบ่อยครั้ง มีโอกาสชีวิตยืนยาวสูงกว่า ผู้ที่แยกตัวอยู่คนเดียว

การเข้าสังคมทุกวัน เชื่อมโยงกับอายุที่ยืนยาวกว่าอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ค่อยเข้าสังคม

ไม่เพียงแค่นั้น งานวิจัย Meta-analysis study จากมหาวิทยาลัยBrigham Young University ยังสรุปว่า การมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่แน่นแฟ้นช่วย ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัยได้ถึง 50% ซึ่งถือว่ามีผลใกล้เคียงกับการ เลิกสูบบุหรี่ หรือ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ดร. สตีเวน เครน (Dr. Steven Crane) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อธิบายว่า

“ความสัมพันธ์ของเราสร้างเครือข่ายการสนับสนุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของมนุษย์”

ความเหงา: ภัยเงียบที่อันตรายเท่าการสูบบุหรี่

ในอีกด้านหนึ่ง ความโดดเดี่ยวและความเหงากลายเป็นภัยคุกคามสุขภาพระดับโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ย้ำว่า ปัญหานี้ควรถูกมองจริงจังไม่ต่างจากโรคอ้วนหรือการสูบบุหรี่

ข้อมูลเชิงตัวเลขชี้ให้เห็นผลร้ายของความเหงาอย่างชัดเจน:

  • เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ 29%
  • เพิ่มความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม 50%
  • เพิ่มความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า 77%
  • เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัย 29%

ดร. วิเวก เมอร์ธี (Dr. Vivek Murthy) ศัลยแพทย์ใหญ่สหรัฐฯ ถึงกับประกาศว่า “ความเหงา” กำลังระบาดในระดับชาติ โดยครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับภาวะนี้

งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส (Rutgers University) ยังระบุว่า การแยกตัวออกจากสังคมเป็นเวลานาน เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมองและเพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและเมตาบอลิซึม นำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ

ทำไมความสัมพันธ์ที่ดีจึงสำคัญ

วิจัยพบว่า เมื่อเราได้รับการยอมรับหรือรอยยิ้มจากเพื่อน ฮอร์โมน “โดปามีน(Dopamine) จะหลั่งออกมา ทำให้รู้สึกดีและอยากเชื่อมโยงต่อไป การมีสายสัมพันธ์ทางสังคมจึงทำหน้าที่เหมือน “วัคซีน” ต่อต้านความเครียดและโรคภัย

ดร.สตีเวน อธิบายเพิ่มเติมว่า

“ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งสำคัญต่อสุขภาพของเราพอๆ กับการไปยิมหรือกินอาหารที่ดี”

อุปสรรคและวิธีเอาชนะความเหงา

แม้เราจะรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพทางสังคม แต่หลายปัจจัยกลับทำให้หลายคนละเลยสิ่งนี้ เช่น:

ความกลัวการเข้าสังคม:

คนที่เหงามักกลัวการถูกปฏิเสธ จนยิ่งหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม

วิธีแก้: ใช้การบำบัดCBT (Cognitive Behavioral Therapy) หรือภาษาไทยว่า การบำบัดพฤติกรรมทางความคิดเพื่อเปลี่ยนวิธีคิด

ชีวิตที่วุ่นวาย:

งานยุ่งทำให้ไม่ว่างเจอเพื่อน

วิธีแก้: จัดตารางเข้าสังคมให้เหมือนตารางานหรือตารางออกกำลังกาย

เทคโนโลยี:

คนรุ่นใหม่หนีความอึดอัดไปใช้เวลากับมือถือมากกว่าสื่อสารกันแบบตรงหน้า

วิธีแก้: ฝึกทักษะแก้ปัญหาและเผชิญหน้าความต่างในความสัมพันธ์

และคำแนะนำที่เรียบง่ายที่สุดจากดร.สตีเวน ก็คือ: “ถ้าอยากมีเพื่อน จงเป็นเพื่อน”

สุขภาพทางสังคม คือเสาหลักของการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข พลังของการพูดคุย หัวเราะ และใช้เวลาร่วมกับคนที่เรารัก จะสามารถยืดอายุ ลดความเครียด และเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ไม่ต่างจากอาหารที่ดีหรือการออกกำลังกายเลย

อ้างอิง longevity.stanford , hsph.harvard , health.harvard ,

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...