มาริษเยือนสวีเดน เป็นสักขีพยานซื้อกริพเพน แฉกัมพูชาละเมิดกฎโลก
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนราชอาณาจักรสวีเดนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ Grippen E/F ของกองทัพอากาศไทยจากบริษัท Saab พร้อมทั้งหารือความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
นายมาริษ เปิดเผยว่า สวีเดนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชน จึงใช้โอกาสนี้ชี้แจงและยืนยันว่าไทยแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนกับกัมพูชาโดยใช้การเจรจาเป็นหลัก หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง พร้อมนำหลักฐานแสดงต่อรัฐบาลยุโรป ว่าไทยดำเนินการด้วยความจริงใจและยึดหลักสันติวิธี
นายมาริษย้ำว่า การตอบโต้ของกองทัพไทยเป็นการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ การใช้กำลังมีขอบเขตจำกัด เพื่อลดทอนศักยภาพทางทหารของกัมพูชาเท่านั้น ไม่มุ่งทำลายล้าง และจนถึงขณะนี้ไม่มีประเทศใดตำหนิหรือแทรกแซงปฏิบัติการของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังกล่าวว่า อาวุธที่ไทยใช้สอดคล้องกับการป้องกันตนเอง แตกต่างจากกัมพูชาที่ใช้โจมตีระยะไกล เล็งเป้าหมายพลเรือน และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมทั้งใช้สงครามข่าวสารสร้างความเข้าใจผิดในสังคมโลก ซึ่งหลายประเทศไม่อาจยอมรับได้
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen ฝูงใหม่ เพื่อทดแทนเครื่องบินที่ปลดประจำการ และเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ โดยกองทัพอากาศยืนยันว่าการเสริมกำลังครั้งนี้มีความจำเป็นต่อการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงทางอากาศของไทย
พลอากาศเอก พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เตรียมเดินทางไปลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen จำนวน 4 ลำ ระหว่างวันที่ 23–27 สิงหาคมนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศและการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการบิน
ทั้งนี้ เครื่องบิน Gripen เคยพิสูจน์สมรรถนะมาแล้วจากการปฏิบัติภารกิจจริงในการเฝ้าระวังน่านฟ้าและปกป้องอธิปไตยไทย ในสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา จึงถูกยกให้เป็น “เขี้ยวเล็บ” หลักของกองทัพอากาศไทย