โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2568 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

Thaiger

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Thaiger ข่าวไทย

ราชกิจจาฯ เผยแพร่แล้ว พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดําริเห็นว่า ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษ แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 177 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 261 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2517 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้

“ผู้ต้องกักขัง” หมายความว่า ผู้ต้องโทษกักขังแทนโทษจําคุกหรือผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ซึ่งมีคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลถึงที่สุดก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

“ผู้ทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ” หมายความว่า ผู้ต้องโทษปรับ ซึ่งศาลมีคําสั่งอนุญาตให้ทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับตามมาตรา 30/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ โดยผู้นั้นได้ปฏิบัติตามคําสั่งศาล และมิได้กระทําผิดเงื่อนไข

“ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ” หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งเป็นผู้ได้รับการพักการลงโทษ ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร หรือได้รับการลดวันต้องโทษจําคุก ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมิได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษ หรือการลดวันต้องโทษจําคุก ก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

“นักโทษเด็ดขาด” หมายความว่า ผู้ซึ่งในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับเป็นนักโทษเด็ดขาด
ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือนักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร

“ผู้กระทําความผิดซ้ํา” หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งเคยต้องโทษจําคุกและพ้นโทษแล้ว กลับมากระทําความผิดอีกภายในห้าปีนับแต่วันที่พ้นโทษจําคุกคราวก่อน โดยความผิดทั้งสองคราว
ไม่ใช่ความผิดที่กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

“กําหนดโทษ” หมายความว่า กําหนดโทษที่ศาลได้กําหนดไว้ในคําพิพากษาและระบุไว้ ในหมายแจ้งโทษเมื่อคดีถึงที่สุด หรือกําหนดโทษตามคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลงโทษ หรือกําหนดโทษดังกล่าว
ที่ได้ลดโทษลงแล้วโดยการได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือโดยเหตุอื่น

“ต้องโทษจําคุกเป็นครั้งแรก” หมายความว่า ต้องโทษเพราะถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจําคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี โดยมิได้ถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษฐานกระทําความผิดอีก ตามมาตรา 92 หรือมาตรา 93 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือตามกฎหมายอื่น และไม่เป็น ผู้กระทําความผิดซ้ํา

มาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ใน ความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกําหนด ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ

หรือนายกรัฐมนตรีมีคําสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทํางานบริการสังคม หรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ

มาตรา 5 ภายใต้บังคับมาตรา 6 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งจะได้รับ พระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี จะต้องได้รับ โทษจําคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของกําหนดโทษ ตามคําพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่น้อยกว่าแปดปี แล้วแต่ระยะเวลาใดจะเป็นคุณมากกว่า ในกรณีต้องโทษจําคุก
หลายคดี ให้ถือเอากําหนดโทษในคดีที่มีโทษสูงที่สุดเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

มาตรา 6 ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป

(1) ผู้ต้องกักขัง

(2) ผู้ทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ

กรณีผู้ต้องกักขังตาม (1) ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนโทษจําคุก หรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ผู้ต้องกักขังนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป ในส่วนของโทษกักขังแทนโทษจําคุกหรือในส่วนของการกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี

มาตรา 7 ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษลง 1 ใน 3 จากกําหนดโทษที่ยังเหลืออยู่นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ เว้นแต่ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ เป็นผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 8 ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป

มาตรา ๘ ภายใต้บังคับมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป

(1) ผู้ต้องโทษจําคุกไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจําคุกตามกําหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

(2) ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

(ก) เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคล ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะอันเห็นได้ชัด

(ข) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคอัมพาต โรคสมองเสื่อม โรคสมองพิการ โรคจิต โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคตับวายเรื้อรัง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) โรคโลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเม็ดโลหิต หรือโรคเรื้อน หรือเป็นคนเจ็บป่วยซึ่งมีภาวะติดเตียง

หรือมีโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่จําเป็นต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางราชการได้ทําการรักษามาแล้ว ไม่น้อยกว่าสามเดือนในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคน ได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไมสามารถจะรักษาในเรือนจําให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียว หรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจําคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกําหนดโทษ

(ค) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นระยะสุดท้ายและไม่สามารถจะรักษาในเรือนจําให้หายได้

(ง) เป็นคนเจ็บป่วยซึ่งมีอายุไม่ต่ํากว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจํา ในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ที่จําเป็นต้องรักษาพยาบาลอยู่ในสถานพยาบาลของเรือนจํา หรือสถานพยาบาลภายนอกเรือนจําอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าหนึ่งปีในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถจะรักษาในเรือนจํา
ให้หายได้

(จ) เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจําคุกเป็นครั้งแรก และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจําคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษ ตามก้ำหนดโทษ

(ฉ) เป็นคนมีอายุไม่ต่ํากว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏ ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจําในกรณีไม่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจําคุกตามกําหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

(ช) เป็นผู้ต้องโทษจําคุกเป็นครั้งแรก และมีอายุยังไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจําในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียว หรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจําคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกําหนดโทษ หรือ

(ซ) เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจําคุกตามกําหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ ใช้บังคับ

มาตรา 9 ภายใต้บังคับมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งมิได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไปตามมาตรา 4 ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้

(1) ผู้ต้องโทษจําคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกําหนดโทษจําคุกห้าสิบปีแล้วให้ลดโทษ ตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร ดังต่อไปนี้

ชั้นเยี่ยม 1 ใน 4

ชั้นดีมาก 1 ใน 5

ชั้นดี 1 ใน 6

โดยให้นับโทษจําคุกนั้นตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษ เว้นแต่กรณีที่จะต้องนับโทษต่อจากคดีอื่น ให้นับโทษต่อจากคดีอื่นนั้น

(2) ผู้ต้องโทษจําคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกําหนดโทษตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหารตาม (1)

(3) ผู้ต้องโทษจําคุกเพราะความผิดที่ได้กระทําโดยประมาท ไม่ว่าจะมีความผิดอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ให้ลดโทษจากกําหนดโทษลง 2 ใน 3 เฉพาะความผิดที่ได้กระทําโดยประมาท

มาตรา 10 ภายใต้บังคับมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๘ นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามบัญชีลักษณะความผิดท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้

(1) ผู้ต้องโทษจําคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกําหนดโทษจําคุกห้าสิบปีแล้วให้ลดโทษ ตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร ดังต่อไปนี้+

ชั้นเยี่ยม 1 ใน 5

ชั้นดีมาก 1 ใน 6

ชั้นดี 1 ใน 7

โดยให้นับโทษจําคุกนั้นตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษ เว้นแต่กรณีที่จะต้องนับโทษต่อจากคดีอื่น ให้นับโทษต่อจากคดีอื่นนั้น

(2) ผู้ต้องโทษจําคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกําหนดโทษตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหารตาม (1)

มาตรา 11 ภายใต้บังคับมาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกไม่เกินแปดปี ในความผิดฐานผลิต นําเข้า หรือส่งออก หรือผลิต นําเข้า หรือส่งออกเพื่อจําหน่าย หรือจําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง เพื่อจําหน่ายตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจากกําหนดโทษตามลําดับชั้น นักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร ดังต่อไปนี้

ชั้นเยี่ยม 1 ใน 6

ชั้นดีมาก 1 ใน 7

ชั้นดี 1 ใน 8

มาตรา 12 ภายใต้บังคับมาตรา 13 มาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเกินแปดปี หรือจําคุกตลอดชีวิต ก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พ.ศ. 2567 ใช้บังคับ ในความผิดฐานผลิต นําเข้า หรือส่งออก หรือผลิต นําเข้า หรือส่งออกเพื่อจําหน่าย หรือจําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย ตามกฎหมาย ว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้

(1) ผู้ต้องโทษจําคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกําหนดโทษจําคุกห้าสิบปีแล้วให้ลดโทษ ตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร ดังต่อไปนี้

ชั้นเยี่ยม 1 ใน 7

ชั้นดีมาก 1 ใน 8

ชั้นดี 1 ใน 9

โดยให้นับโทษจําคุกนั้นตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษ เว้นแต่กรณีที่จะต้องนับโทษต่อจากคดีอื่น ให้นับโทษ
ต่อจากคดีอื่นนั้น

(2) ผู้ต้องโทษจําคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกําหนดโทษตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหารตาม (1)

มาตรา 13 ภายใต้บังคับมาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาด ซึ่งต้องโทษในความผิดตามมาตรา 147 ถึงมาตรา 166 และมาตรา 200 ถึงมาตรา 205 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิด ของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายอื่น ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้

(๑) ผู้ต้องโทษจําคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกําหนดโทษจําคุกห้าสิบปีแล้วให้ลดโทษ ตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร ดังต่อไปนี้

ชั้นเยี่ยม 1 ใน 8

ชั้นดีมาก 1 ใน 9

ชั้นดี 1 ใน 10

โดยให้นับโทษจําคุกนั้นตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษ เว้นแต่กรณีที่จะต้องนับโทษต่อจากคดีอื่น ให้นับโทษ
ต่อจากคดีอื่นนั้น

(2) ผู้ต้องโทษจําคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกําหนดโทษตามลําดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจ่าทหารตาม (1)

มาตรา 14 ภายใต้บังคับมาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาด ซึ่งมิได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว และเป็นคนมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไปในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจําในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษลงเป็นพิเศษ อีก 1 ใน 5 จากกําหนดโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษลดโทษลงแล้วตามพระราชกฤษฎีกานี้

มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ซึ่งเป็นผู้กระทําความผิดซ้ํา ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจากกําหนดโทษลง 1 ใน 8

มาตรา 16 ภายใต้บังคับมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในข่ายได้รับ พระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้

(1) นักโทษเด็ดขาดซึ่งมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วและได้รับโทษจําคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับยังไม่เกินสิบห้าปี และมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม

(2) ผู้ต้องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเกินแปดปี หรือจําคุกตลอดชีวิตภายหลัง วันที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พ.ศ. ๒๕๖๗ ใช้บังคับ ในความผิดฐานผลิต นําเข้า หรือส่งออก หรือผลิต นําเข้า หรือส่งออกเพื่อจําหน่าย หรือจําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย ตามกฎหมาย ว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด

(3) ผู้กระทําความผิดซ้ําและมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม

(4) นักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ชั้นต้องปรับปรุง หรือขั้นต้องปรับปรุงมาก

มาตรา 17 ภายใต้บังคับมาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจํามาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปีในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษลงเป็นพิเศษอีกหนึ่งปี

มาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษประหารชีวิต ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษลงเป็นโทษจําคุกตลอดชีวิตนักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว และได้รับโทษจําคุก มาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับเกินสิบห้าปี และเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ให้ได้รับ พระราชทานอภัยโทษลดโทษจากกําหนดโทษลง 1 ใน 8 กรณีที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ เป็นโทษจําคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกําหนดโทษจําคุกห้าสิบปีแล้วให้ลดโทษจากกําหนดโทษลง 1 ใน 8

มาตรา 19 นักโทษเด็ดขาดซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว และนักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ และจะพ้นโทษในคราวเดียวกันตามพระราชกฤษฎีกานี้ จะต้องผ่านหรือเคยผ่านการอบรมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตามที่กรมราชทัณฑ์หรือกระทรวงกลาโหมกําหนด เว้นแต่โดยสภาพร่างกายหรือจิตใจไม่เป็นปกติจนไม่อาจรับการอบรมได้

มาตรา 20 ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทยร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ มีหน้าที่และอํานาจติดตาม ดูแล และช่วยเหลือผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อป้องกันการกระทําความผิดซ้ำศาลทหารแห่งท้องที่หนึ่งคน

มาตรา 21 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่ ผู้พิพากษาศาลแห่งท้องที่ หรือตุลาการ และพนักงานอัยการแห่งท้องที่หรืออัยการทหารแห่งท้องที่หนึ่งคน รวมสามคนเป็นคณะกรรมการ มีหน้าที่ตรวจสอบผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษและส่งรายชื่อต่อศาลแห่งท้องที่ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อความสะดวกแก่ศาลแห่งท้องที่นั้นพิจารณาออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือออกคําสั่งยกเลิก การทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี

ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ซึ่งถูกลงโทษจําคุกตามคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ตรวจสอบและส่งรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคําสั่งปล่อยหรือลดโทษแล้วแต่กรณี

เมื่อได้มีหมายหรือคําสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือคําสั่งยกเลิกการทํางานบริการสังคมหรือทํางาน สาธารณประโยชน์แทนค่าปรับแล้ว ให้คณะกรรมการทําบัญชีผู้ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษเก็บไว้ ที่เรือนจําหรือทัณฑสถานหนึ่งฉบับ ส่งศาลหนึ่งฉบับ ส่งกระทรวงยุติธรรมหนึ่งฉบับ และทูลเกล้าฯ ถวายอีกหนึ่งฉบับ

ถ้ากรรมการบางคนตามวรรคหนึ่งไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีอํานาจแต่งตั้งข้าราชการตามที่เห็นสมควรเป็นกรรมการแทนได้

ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการสํานักงานศาลยุติธรรม เป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด

มาตรา 22 ในส่วนที่เกี่ยวกับนักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร ให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งข้าราชการเป็นคณะกรรมการตามที่เห็นสมควรมีหน้าที่ตรวจสอบผู้ซึ่งจะได้รับ พระราชทานอภัยโทษและส่งรายชื่อต่อศาลทหารกรุงเทพ หรือศาลมณฑลทหาร แล้วแต่กรณี

ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อความสะดวก แก่ศาลทหารดังกล่าวพิจารณาออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือออกคําสั่งยกเลิกการทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี

ให้นําความในมาตรา 21 วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนําบทบัญญัติแห่งพระราชกฤษฎีกานี้มาใช้บังคับแก่นักโทษ ตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจําทหาร นอกจากที่ได้บัญญัติไว้แล้วในพระราชกฤษฎีกานี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพิจารณาสั่งเทียบกรณีให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชกฤษฎีกานี้

มาตรา 23 ให้นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอํานาจของตน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ภูมิธรรม เวชยชัย

รองนายกรัฐมนตรี

ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha
ภาพจาก : ratchakitcha

ข้อมูลจาก : ratchakitcha

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thaiger

พ่อแม่ตาย พี่น้องฟ้องแย่งมรดก 13 ล้าน เพิ่งรู้ความจริง ช็อกกลางศาล

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สถิติหวยออกวันศุกร์ งวด 1 ส.ค. 68 เช็กเลขเด็ดย้อนหลัง 20 ปี เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จับ 9 เขมรทรยศ เป็นสายลับให้กองทัพไทย ชงฟันกบฏ โทษคุกหัวโต

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แอนดี้ ไบรอน อดีต CEO คนดัง จ่อฟ้อง Coldplay ฐานทำลายชีวิตและชื่อเสียง

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

หนุ่มชาวศรีสวัสดิ์ ขับรถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟฟ้าริมถนนแสงชูโต เสียชีวิตคาซากรถ จ.กาญจนบุรี

สวพ.FM91
วิดีโอ

วิทยาลัยฯดัง สุรินทร์ โต้เขมร ไม่ได้บังคับนักศึกษากัมพูชาลาออก ยึดโทรศัพท์ ยันดูแลเต็มที่

BRIGHTTV.CO.TH

อดีตเจ้าของธุรกิจ 'ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ' ตกอับ ตระเวนงัดตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ

Khaosod

สหรัฐฯ เตรียมเผาทำลายยาคุมกำเนิดที่ USAID จัดซื้อ มูลค่าเกือบ 10 ล้านดอลลาร์

JS100

อุบัติเหตุชนกันแล้วพี่ใหญ่ล้ม หินกรวดตกเกลื่อน ถนนเลียบคลอง 7 จากฝั่งลำลูกกา มุ่งหน้ารังสิต-นครนายก จนท.กำลังดำเนินการ จ.ปทุมธานี

สวพ.FM91

IMFปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ย้ำภาษีศุลกากรทรัมป์ถ่วงการเติบโต แต่น้อยกว่าที่คาดไว้ตอนแรก

Manager Online

กระทรวงการต่างประเทศ จ่อพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดนภายในสัปดาห์นี้

TNews

อาหรับและยุโรป ร่วมเรียกร้องฮามาสปลดอาวุธ สละอำนาจปกครองฉนวนกาซา

JS100

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...