ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น รับข่าวดีลการค้าสหรัฐ-ญี่ปุ่น
บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์วันนี้ (23 ก.ค.) ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 69 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 วัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (West Texas Intermediate:WTI) อยู่ที่ระดับเกือบ 66 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยข้อตกลงกับฟิลิปปินส์ในการกำหนดอัตราภาษีศุลกากร 19% และข้อตกลงกับญี่ปุ่นในการกำหนดอัตราภาษีศุลกากร 15% ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวว่าเขาจะพบปะกับผู้แทนจีนเพื่อเจรจาการค้าที่กรุงสตอกโฮล์มในสัปดาห์หน้า และจะ "พิจารณาความเป็นไปได้ที่จะขยายเวลา" การเจรจาออกไปจากกำหนดเดิมในวันที่ 12 สิงหาคม เขายังกล่าวอีกว่า ขณะนี้การหารือกับจีนสามารถครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการที่ปักกิ่งยังคงซื้อน้ำมันที่ถูก "คว่ำบาตร" จากรัสเซียและอิหร่านอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดิบในเดือนนี้ซื้อขายในกรอบแคบๆ หลังจากช่วงเดือนมิถุนายนที่ผันผวน ซึ่งราคาได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงลดลงประมาณ 8% ในปีนี้ เนื่องจากความกังวลว่าสงครามภาษีของทรัมป์จะฉุดรั้งการบริโภค และเมื่อกลุ่มโอเปกพลัสกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต
ในขณะเดียวกัน สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา (API) ระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วประเทศลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณน้ำมันกลั่นคงคลังเพิ่มขึ้น ข้อมูลอย่างเป็นทางการจะประกาศในวันพุธ
อัปเดตราคาเช้านี้ (23 ก.ค.)
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับการส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 68.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ เวลา 8:28 น. ตามเวลาสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 65.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล