โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

คืนภาษีหนังดันเศรษฐกิจ?

ไทยโพสต์

อัพเดต 5 สิงหาคม 2568 เวลา 5.03 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันก่อน..

ที่เขียนถึงข่าว รมต.กระทรวงวัฒนธรรม-แพทองธาร ชินวัตร ได้ประชุมติดตามมาตรการจูงใจทางภาษี ที่เรียกว่า Cash Rebate หรือ Refund เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย

ก็..มีคนถามว่า มันคืออะไร คำฝรั่งสองคำนี้ วันนี้จึงเลยต้องมาเขียนทำความกระจ่างกับสองคำนี้ซะหน่อย จริงๆ ผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่า มันหมายถึงอะไร?

เผอิญมีคนรู้จักมักจี่ในวงการภาพยนตร์ไทยซึ่งเชื่อว่าน่าจะให้ความกระจ่างได้ จึงจิ้มมือถือหา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน..คุณมานพ อุดมเดช ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยผู้มีชื่อขึ้นหิ้งน่ะแหละ!

ถึงได้รู้ว่า คำฝรั่งสองคำข้างบนนั้นไม่ใช่ศัพท์เทคนิคเฉพาะอะไรหรอก มันแปลว่า “ลดราคา” ทั้งสองคำความหมายเดียวกัน

เพียงแต่ในบริบทตามข่าวนี้หมายถึง การคืนภาษีในรูปเงินสด ซึ่งหนังของฝรั่งหรือหนังของผู้ผลิตที่เป็นคนต่างด้าวท้าวต่างแดน ที่ขออนุญาตมาถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยนั้น

จะได้ลดภาษี หรือคืนเงินภาษีทั้งนั้น หนังต่างด้าวได้คืนภาษีเป็นเพราะไทยต้องแข่งขันกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน

ที่ต่างก็ต้องการให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างชาติไปใช้ประเทศของตนเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เพราะเม็ดเงินสร้างหนังมันเยอะนะไหลเข้ามาต่อปี!

ดังนั้นไทยเราจึงเสนอ “คืนภาษี” เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น เป็นการสร้างแรงจูงใจผู้ผลิตต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศของเรา ส่วนผู้ผลิตท้องถิ่นคือบริษัทไทย ไม่มีคืนภาษี!

เมื่อผมบอกแกว่ากำลังจะมีไง คุณมานพจึงถาม “จริงเหรอ?” ดูทรงจากน้ำเสียงของแกไม่อยากเชื่อก่อนจะพูดต่อ..

“ถ้าลดอย่างอื่นล่ะก็เป็นไปได้ อย่างเมื่อก่อนรัฐบาลสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ท้องถิ่นผ่านการลดภาษีนำเข้าฟิล์มและอุปกรณ์เครื่องมือในการผลิต

โดยหน่วยงาน BOI ส่งเสริมการลงทุน แต่ไม่เวิร์ก ทำท่าว่าจะดีแต่ไปๆ มาๆ ยังไงก็ไม่ทราบ ไม่มีใครไปหา BOI อีกเลยจนคนสร้างหนังไทยบริษัทรุ่นใหม่ๆ ไม่รู้จัก

และป่านนี้ BOI ก็คงปิดแผนกนี้ไปแล้วมั้งคิดว่านะ ผมไม่คิดว่าจะมีการคืนภาษีการสร้างแบบหนังต่างชาติที่เข้ามาสร้างในเมืองไทย”

“แต่ตอนนี้กระทรวงวัฒนธรรมกำลังจะมี” ผมยืนยัน ก่อนจะถามความเห็น “คิดว่าไง?”..

“ทำได้มันก็ดี แต่จริงๆ ทุนสร้างหนังไทยมันน้อย ที่เป็นร้อยล้านเหมือน 10 ปีก่อนนี้ไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้ 5-8 ล้านยังเหนียวเลยแล้วจะคืนกี่เปอร์เซ็นต์กันล่ะ

สรรพากรก็มีระบบเก็บภาษีรายได้ของบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่จะมีลดหรือคืนภาษีหรือเปล่าผมไม่เคยได้ยินว่ามี มันไม่น่าจะมีผลให้เกิดการผลิตเฟื่องฟูอะไรหรอก

เพราะต้นทุนในการผลิตหนังไทย จริงๆเท่าไหร่กันแน่ ผมก็ไม่รู้ หนังต้นทุนถ่ายทำ บอก 50 ล้าน จริงๆ อาจจะแค่ 8 ล้านก็ได้ ที่เหลือ 42 ล้านเศษ มันเป็นงบโพสต์โปรดักชัน

ทีมงานถ่ายทำไม่รู้ 42 จริงมั้ย เพราะไม่ได้เป็นคนทำบัญชี ยิ่งหนังเข้าโรงแล้วหนังเก็บสตางค์ได้เท่าไร ขาดทุนหรือกำไรไม่รู้จริงๆ

ได้ยินแต่พูดกันมาว่า พอสรรพากรเรียกเก็บภาษี เจ้าของหนังก็บอก ขาดทุนตลอด…แล้วรัฐบาลจะคืนภาษียังไง?

ผมเลยไม่รู้ว่า การจะใช้วิธีจูงใจทางภาษีแบบ Cash Rebate เหมือนหนังต่างด้าวจะโดนใจผู้ผลิตท้องถิ่นมั้ย ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยแน่หรือ?

สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศจริงมั้ย?” ผู้กำกับ คุณมานพตั้งข้อสังเกต และว่า..

“สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ธุรกิจหนังไทยมันยังไม่เข้าข่ายเป็นอุตสาหกรรม ไม่มีสหภาพแรงงาน ยังไม่หลุดภาพอาชีพเต้นกินรำกิน ยึดเอาเป็นสรณะความมั่นคงในชีวิตไม่ได้

ถ้าอยากจะเห็นความก้าวหน้าของการผลิตหนังไทย รัฐบาลควรศึกษาวิธีอุดหนุนอุตสาหกรรมนี้ของปักกิ่ง หรือศึกษาจากเกาหลีใต้

น่าจะดีกว่าการสร้างแรงจูงใจเจ้าของบริษัทหนังด้วยวิธีคืนภาษีด้วยเงินสด” คุณมานพฝากให้คิด ส่วน รมต.กระทรวงวัฒนธรรมจะเห็นด้วยหรือไม่..

สุดแท้แต่!.

สันต์ สะตอแมน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

เบาหวานบุก ‘อังเคิลวุ้นเส้น’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘เคล็ดลับหน้าใส’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

"ศุภชัย" จับตามาตรฐานของ "มท.1" อัลไพน์มีคนติดคุกไปแล้ว เขากระโดงล่ะ?

THE ROOM 44 CHANNEL

เบาหวานบุก ‘อังเคิลวุ้นเส้น’

ไทยโพสต์

‘เคล็ดลับหน้าใส’

ไทยโพสต์

“สุดทางตายของเขมร”

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม