ดื่มน้ำผิดชีวิตพัง! เปิดความลับเรื่องน้ำดื่มที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ
รายการ Tuck Talk สัปดาห์นี้พบกับ 2 ผู้หญิงเก่งสายรักสุขภาพ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ นางสาวไทยปี 2535 และ เฟย์ อรชุมา Water Sommelier (นักชิมน้ำดื่ม) มาแชร์เคล็ดลับมุมมองการดื่มน้ำที่ไม่ใช่แค่ดื่มแก้กระหายแต่ดื่มให้ถูกช่วยเปลี่ยนชีวิต หากดื่มน้ำผิดวิธี เสี่ยงช็อกตาย! แนะวิธีควรดื่มน้ำอย่างไรให้สวย สุขภาพดี และห่างไกลโรค
น้ำสำคัญกับร่างกายยังไง ทำไมคนถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เฟย์ อรชุมา : คนไทยอาจจะยังไม่ได้เข้าใจถึงคำว่าน้ำ และความสำคัญของน้ำเทียบเท่ากับคนในต่างประเทศ น้ำมีความสำคัญมากกว่าเวลาเรากระหายน้ำแล้วดื่ม ในต่างประเทศเขาลึกซึ้งเรื่องนี้มาก น้ำนี่มีความสำคัญว่าถ้าเกิดเราขาดน้ำ 3 วันเราเสียชีวิต เพราะเนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายเยอะมาก 70-80% ในต่างประเทศเขาศึกษาเรื่องนี้กันลึกมาก ยกตัวอย่างเช่น เขาจะมี คำว่า curative water ก็คือน้ำบำบัดเพื่อสุขภาพไว้ใช้รักษาในอาการต่าง ๆ
คนเราต้องดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วตามที่เราเรียนกันมาคือความจริงหรือไม่ หรือว่าร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เฟย์ อรชุมา : ไม่เหมือนกัน เพราะแก้วของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเรา มีหลักการในการคำนวณ คือ น้ำหนักตัวเราคูณ 30 ก็จะได้เป้นอีกตัวเลขหนึ่ง จะได้เป็นมิลลิลิตร นั้นคือเบสิคที่ควรจะดื่ม เป็นขั้นต่ำ เพื่อเลี้ยงดูร่างกายให้ปกติแต่ว่าไม่ได้เสริมให้ร่างกายแข็งแรง การดื่มน้ำขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ถ้าเกิดขาดน้ำ 1 % ของน้ำหนักร่างกายของเราจะเริ่มกระหายน้ำ ถ้าอยู่ประมาณ 5% ที่เราสูญเสียน้ำออกจาก ร่างกายก็จะเกิดภาวะสมองไม่แล่น เพราะจะเริ่มไปรบกวนการทำงานของสมอง ถ้าอยู่ประมาณ 5-10% แปลว่ามันเริ่มกระทบต่าง ๆ อวัยวะในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่นมันจะเริ่มกระทบการหมุนเวียนของเลือดถ้าเกิดเลือดข้นจะทำให้มีภาวะโรคต่าง ๆ เกิดขึ้น ถ้าขาดน้ำ 15% เขาศึกษามาว่าอวัยวะภายในจะช็อกหรือเสียชีวิตได้
วิธีการดื่มน้ำที่เหมาะสม
เฟย์ อรชุมา : ถ้าเกิดเรากระหายน้ำแล้วค่อยดื่มแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำมาก ๆ แล้ว ตื่นมาควรดื่มน้ำเลย ที่อุณหภูมิห้องปกติ และอย่าเพิ่งแปรงฟันดื่มแบบมีแบคทีเรียเราอยู่ในปากเข้าไปพร้อมน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในท้อง เพื่อเอาแบคทีเรียดีที่อยู่ในปากเข้าไปช่วงในเรื่องของระบบการขับถ่าย
ดื่มน้ำหวานหรือดื่มกาแฟไหม
เฟย์ อรชุมา : ไม่ดื่มน้ำหวาน แต่จะดื่มกาแฟที่มีลิมิตให้ตัวเองวันละ 1 แก้ว กาแฟมีผลต่อร่างกายทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าดื่มกาแฟหรือชาก็ต้องดื่มน้ำเข้าไปอีก บางคนเมากาแฟจะเกิดอาการใจสั่นมึน ๆ เหมือนเมาเหล้า คลื่นไส้ ซึ่งแสดงว่าร่างกายขาดน้ำเยอะ ถ้าเกิดเราดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายปริมาณหนึ่งอาการที่เราเป็นอยู่ก็จะหาย น้ำมีองค์ประกอบสำคัญในร่างกายช่วยลำเลียงสารอาหาร ช่วยเรื่องการคอนโทรลระบบความดันเลือด และเรื่องอุณหภูมิของร่างกาย สำหรับคนท้องคนที่ให้นมลูก คนที่ต้องรับประทานยาเยอะ ๆ คนป่วยที่ต้องทานยาที่คุณหมอให้มา แอร์โฮสเตส นักบิน คนที่ขึ้นเครื่องบินเดินทาง คนกลุ่มนี้ก็ต้องดื่มน้ำให้เยอะขึ้นกว่าปกติ
คนที่ดื่มน้ำทีละเยอะ ๆ ดื่มเร็ว ๆ บางทีถึงขั้นช็อกตายเป็นไปได้ไหม
เฟย์ อรชุมา : เป็นไปได้ค่ะ เคสที่ต่างประเทศเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะว่าร่างกายรับไม่ไหว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นนักวิ่งมาราธอน ขาดน้ำอย่างรุนแรง แล้วก็ไปดื่มน้ำที่เย็นจัดในปริมาณที่เยอะมากกว่าน้ำหนักตัวที่สามารถรับได้ เขาก็เกิดบอดี้ช็อกแล้วก็เสียชีวิตโดยฉับพลัน ดีที่สุดคือเราควรจะค่อย ๆ จิบน้ำไปทั้งวัน
Water Sommelier หรือนักชิมน้ำ
เฟย์ อรชุมา : ตอนที่เราชิม ลิ้นจะเป็นตัวรับรสของน้ำ ในต่างประเทศเขาจะมีการเทรนให้เราลักษณะว่า น้ำชนิดไหนเหมาะกับการรับประทานอาหารแบบไหน เช่น เค็มถ้าเรากินน้ำประเภทนี้จะทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้นหรือแย่ลง
คนผิวสวยต้องดื่มน้ำแบบไหน
เฟย์ อรชุมา : ดื่มน้ำให้ถึง ขึ้นอยู่กับเขาใช้ชีวิตยังไง เลือกดื่มน้ำที่เป็นประเภทน้ำอัลคาไลน์ หรือ น้ำด่าง ค่า PH ของน้ำ PH 7 คือน้ำที่เป็นกลาง ต่ำกว่า 7 คือน้ำที่เป็นกรด สูงกว่า 7 คือน้ำที่เป็นด่าง มีงานวิจัยออกมาว่า เลือดเราอยู่ที่ประมาณ PH 7.3 เลือดเราจะสูบฉีดได้ดีมาก สร้างโกรทฮอร์โมน แต่ในชีวิตเราการออกกำลังกาย ดื่มกาแฟ เครียด นอนน้อยก็ขับกรดออกมาในร่างกาย ซึ่งถ้าในร่างกายเรามีกรดบาง ๆ ค้างอยู่ก็จะทำให้เกิดผื่น ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะ โรคเก๊า ถ้าเป็นกรดหนัก ๆ เลยก็คือมะเร็ง ต้องทำให้ร่างกายเป็นด่าง เพราะฉะนั้นคนที่มีเชื้อมะเร็ง คุณหมอก็อาจจะบอกว่าแนะนำให้ดื่มน้ำด่าง หรือให้ลดสิ่งที่จะเป็นกรดสะสม เช่น เนื้อแดง เลิกแอลกอฮอล์ นอนให้ถึง ไม่เครียด เรื่องผิวถ้าเกิดเราดื่มน้ำไม่ถึง แล้วเป็นน้ำเป็นกรด PH 4-5 ซึ่งน้ำในท้องตลาดมีน้ำที่ PH ต่ำกว่า 7 เยอะมาก ซึ่งไม่ได้ช่วยเรื่องผิว ถ้าเราดื่มน้ำค่า PH สูงกว่า 7 ที่เป็นธรรมชาติก็จะช่วยเรื่องผิว อาหารยากมากที่จะเป็นด่างส่วนใหญ่จะเป็นกรด ถ้าผ่านความร้อนแล้ว ผักสดที่ไม่ผ่านความร้อนก็จะมีค่าของความเป็นด่าง ปัญหาคือเราต้องกิน 1 หน่วยของกรดจะมาล้างให้มันสมดุล เราต้องใช้ด่าง 20 ยูนิต แปลว่าเราต้องกินผักสดเยอะมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายเราสมดุลยากมาก เพราะฉะนั้นร่างกายคนส่วนใหญ่มีภาวะเป็นกรด จะมีตัวช่วยก็คือ ดื่มน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่าของความเป็นด่างที่สูง
น้ำแร่ธรรมชาติกับน้ำด่างต่างกันอย่างไร
เฟย์ อรชุมา : ถ้าค่า PH สูงกว่า 7 ก็เรียกว่า น้ำด่าง แต่ถ้าน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่าสูงกว่า 7 ก็คือน้ำด่างธรรมชาติ แต่สามารถมีน้ำด่างที่ไม่ธรรมชาติเกิดขึ้นได้ เขาเรียกว่า Manmade alkaline water ประดิษฐ์ให้เป็นน้ำด่าง ต้นทางคือน้ำประปาผ่านเข้าไปในเครื่องกรองที่เปลี่ยนโมเลกุลทำให้มีค่าของความเป็นด่าง ถ้าเราไม่ดื่มทันทีก็จะหายไปเวลาอันใกล้ชิดกับที่มันถูกพึ่งกรองออกมาค่า PH ก็จะค่อย ๆ ปรับ ดังนั้นน้ำดื่มที่ผ่านเครื่องกรองก็ดีกว่าที่จะไม่เป็นน้ำด่าง เพราะน้ำด่างมีประโยชน์กว่า แต่น้ำด่างธรรมชาติมีประโยชน์กว่า และโมเลกุลสามารถคงสภาพได้นานกว่า
อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ : เป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะอยู่แล้ว พกน้ำขวดใหญ่ไว้จิบตลอดเวลา รวมถึงการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย สิ่งเหล่านี้น้องอรทำมาตั้งแต่เริ่มดูแลตัวเองอย่างจริงจัง พอถึงช่วงวัยหนึ่ง ร่างกายกลับมีโรคเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว ตอนนั้นยังถ่ายละคร ทำงานหนักทุกวัน จนสะสมกลายเป็นความเครียดโดยไม่รู้ตัว และสุดท้ายมันก็ส่งผลต่อร่างกาย คือ ต่อมไทมัสโตผิดปกติ ตอนแรกไปหาหมอเพราะรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้อง คิดว่าเป็นอาการหลงเหลือจากโควิด เพราะเพิ่งหายจากโควิดมาไม่นาน คุณหมอส่งไป X-ray ปอด พบว่าภายในทรวงอกมีเงาสีเทา ๆ จึงให้ทำ CT Scan เพิ่มเติมเพื่อดูให้ชัด ปรากฏว่า ต่อมไทมัสซึ่งอยู่ตรงกลางอก ติดกับหัวใจและปอด มีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ
จริง ๆ แล้วต่อมนี้พอเราอายุมากขึ้น มันควรจะค่อย ๆ หดเล็กลง เพราะทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันและการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่ของน้องอรกลับโตขึ้นถึง 4 เซนติเมตร และเริ่มไปเบียดหัวใจกับปอด ทำให้หายใจติดขัด คุณหมอบอกว่าเคสแบบนี้เกิดได้ยากมาก ประมาณ 1 ใน 100,000 คน ซึ่งน้องอรเป็นหนึ่งในนั้น สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดก็เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานหนัก และมีความเครียดสะสม ซึ่งบางทีเราไม่รู้เลยว่าความเครียดนั้นเริ่มสะสมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อรู้ว่าต่อมไทมัสโต ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษา โดยคุณหมอแนะนำให้ผ่าตัด เพราะถ้ารักษาทันท่วงที โรคก็สามารถหายได้ ถึงจะมีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย เช่น ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะลดลงหลังผ่าตัด เพราะต่อมนี้มีบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกัน แต่โดยรวมแล้วถือว่าปลอดภัยและจำเป็นต้องรักษาค่ะ แม้จะยังต้องถ่ายละครอยู่
แต่อรก็ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพื่อพร้อมสำหรับการผ่าตัด หนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดคือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และเลือกดื่มน้ำที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เพราะต่อมไทมัสที่ต้องผ่าตัดออกนั้น จะส่งผลต่อร่างกายพอสมควร ร่างกายจึงต้องดึงพลังงานมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และ "น้ำ" เป็นสิ่งสำคัญมากในการช่วยกระบวนการฟื้นฟู เริ่มจากเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วไปเลือกซื้อน้ำหลากหลายชนิดมาลองดื่ม จากเดิมที่เคยดื่มแต่น้ำเปล่า หรือน้ำแร่ธรรมดา ก็เริ่มลองน้ำด่าง น้ำแร่ธรรมชาติ เพราะได้ยินว่าช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างในร่างกาย
คุณหมอบอกว่า หลังผ่าตัดร่างกายจะมีอาการอักเสบ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีภาวะเป็นกรด หากเรากินอาหารหรือดื่มน้ำที่เป็นกรดร่วมด้วย ก็จะยิ่งทำให้การฟื้นตัวช้าลง จึงแนะนำให้น้องอรหันมาดื่มน้ำที่มีความเป็นด่าง เพราะจะช่วยลดความเป็นกรด ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และช่วยให้ระบบภายในกลับมาสมดุลได้ไวขึ้น ช่วงนั้นดื่มน้ำหลายชนิดมาก จนวันหนึ่งไปเห็นน้องอั๋นโพสต์ใน Facebook เรื่องน้ำด่างธรรมชาติยี่ห้อหนึ่ง เลยไปซื้อมาลองดู ปรากฏว่ารสชาติดี อร่อย ดื่มง่าย ตั้งแต่นั้นมาก็ดื่มต่อเนื่องมาตลอด จนถึงวันผ่าตัด หลังผ่าตัดเพียง 4 วัน น้องอรก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ คุณหมอบอกว่าร่างกายฟื้นตัวได้เร็วมาก ผ่านไปสองสัปดาห์จึงนำก้อนเนื้อจากต่อมไทมัสไปตรวจ
และผลออกมาว่าเป็นเนื้อร้าย ซึ่งหมายความว่าเป็นมะเร็งในระยะที่ 2 แล้ว เพราะก้อนเนื้อนั้นเริ่มเบียดอวัยวะภายในอย่างหัวใจและปอด ตอนผ่าตัดใช้วิธีเลเซอร์ ทำให้กระทบกับปอดบางส่วน ส่งผลให้การทำงานของปอดลดลง ร่างกายจึงต้องพักฟื้นและได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องอาหารและน้ำดื่ม คุณหมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารรสจัด ของดิบ และเน้นอาหารที่มีความเป็นด่าง เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อปลา และอาหารทะเลบางชนิดพอเริ่มฉายรังสี ร่างกายก็ยังฟื้นตัวดี และยังคงดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ดื่มน้ำวันละ 4–5 ลิตร โดยเน้นการจิบไปเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน สังเกตได้เลยว่าเวลาถ่ายปัสสาวะ รู้สึกว่าร่างกายขับความร้อนออกมาได้ดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน้ำด่างที่ดื่มนั้นมีส่วนช่วยขับกรดจากร่างกาย
เฟย์ อรชุมา : สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำหรือดื่มได้น้อย แนะนำว่าให้เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมก่อน โดยลองทำตามแนวคิดจากนักจิตวิทยาที่บอกว่า “ถ้าทำอะไรติดต่อกัน 21 วัน จะเริ่มเกิดความเคยชิน” อาจเริ่มจากหลังตื่นนอน กระดกน้ำ 1 แก้วเลย ยังไม่ต้องแปรงฟัน แล้วตั้งเป้าดื่มน้ำให้ได้ 2 ขวดในแต่ละวัน ลองทำแบบนี้ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ แค่จิบไปเรื่อย ๆ ระหว่างวัน จะเริ่มคุ้นชินเอง
สามารถติดตาม "Tuck Talk" ได้ที่ช่องทาง Podcast : Life Dot , Facebook: Life Dot , Youtube : Life Dot วันพฤหัสบดี (สัปดาห์เว้นสัปดาห์) เวลา 18.00 น.
คลิกชมรายการย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=Rb_10HFU6-Y